Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
>>>ไอ้หมัคปากหมา เป็นสิงคโปร์รึไง<<<กกต ไอ้หน้าหนา หลุดลาภ ก็ปล่อยของเสียออกทางปาก>>>

กกต.ควรละอายที่คนเขาด่า แต่ไม่รู้ตัวว่าคิด พิจารณา ตัดสินใจ ทำไม่ถูก ไม่ควรอะไรบ้าง อ้างแต่สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ถามว่า...

(1.) เป็นหน้าที่กกต.หรือที่ต้องไปอ้อนวอนพรรคฝ่ายค้านมาลงเลือกตั้ง คุณทำดี หรือทำเกินหน้าที่ คุณเป็นทาสรับใช้ให้ใคร ทรท.เอาเปรียบเขาเพราะมีกฎหมายอยู่ในมือ เมื่อเขาสู้เอาบ้างก็หงายหลัง อ้อนวอนเสียงอ่อนเสียงหวานให้เขามาร่วมเล่น โดยพกมีดสั้นไว้ด้วย
เขาเห็นด้ามมีดโผล่ เขาก็ไม่เล่น คุณกกต.ไม่รู้หรือว่าทำเกินหน้าที่องค์กรอิสระ ศักดิ์ศรีกกต.ต้องอ้อนวอนพรรคการเมืองหรือ เพื่อให้ทรท.สมหวังหรือ?

(2.) ดุลยพินิจขององค์กรอิสระ เมื่อต้องจัดการเลือกตั้งแล้วมีความผิดปกติมากมาย ตะแบงลากไปเลือกตั้งทำไม ?เอาละ ครั้งแรกไม่รู้ แต่ novote เต็มบ้าน เต็มเมือง คนชนะแพ้ no vote ถ้ากกต.เป็นคนของประเทศ ของชาติ ของประชาธิปไตย ควรจัดต่อไปหรือ? ทำไมไม่ยุติเกมนี้ และไม่ทำต่อไป เท่ากับไม่ร่วมมือ แต่ทำไปแบบคนด่าทั้งเมือง แล้วมาโวยวายหาสวรรค์วิมานอะไรกัน ถ้าอยากอึเพราะท้องเสีย ก็ไปอึในส้วม อย่ามาระบายทางปาก เหม็นทั่วประเทศ

(3.) มีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครหนี 20 % ::::หลักฐานโทนโท่::::click อ่านบันทึกลับ คนระดับ พล.ต.อ. ไม่สามารถสืบสวน สอบสวนได้ อ้างหน้า...สุด ๆว่า ไม่มีหลักฐาน พล.ต.อ.ดูแรงจูงใจส่อเจตนาทำผิดไม่เป็นหรือ? ไม่รู้หรือว่าพรรคใหญ่คือใคร ในสำนวนก็มี และงานระดับใช้ดุลยพินิจ (กกต.สามารถใช้ดุลยพินิจได้)ตัดสินใจยุติเกมได้ไหม เพราะเห็น "ความไม่ชอบ ความไม่สุจริต" คาตา คาใจ คาจิต คาวิญญาณ ข้าพเจ้าโกรธมากที่พูดออกมา คุณดูถูก ดูหมิ่นคนทั้งประเทศ มีแม่ยก มีเด็กเท่านั้นที่มีน้ำตาให้คุณ ผู้ใหญ่ในประเทศสมเพช ทุเรศ ถ้าคุณอยู่ในเวทีคนมีความรู้ คุณต้องเอาปีบคลุมหัวแล้ว ดีแต่คุณอยู่ในกล่องของคุณ มันแคบ แคบจนคุณตกใจเมือโผล่หัว ยื่น....ออกมาได้ยิน ได้ฟัง และ....จุกตูด เข้าไปโวยวายในกล่องเหมือนเดิม ไปร้องเหม็ง..เหม็ง..เพราะไม่รู้ว่าอะไร ควร ไม่ควร

(4.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีดำรัส ตรัสกับศาลแล้ว ปัญญาคุณนิ่มขนาดตะแบงรับรอง ส.ส.ต่อไป ไม่หยุดเกม อันนี้ชั่... คุณได้รับสายสะพาย จากมือพระองค์ คุณไม่รู้หรือว่า พระองค์ได้ "ยุติเกม"และศาลกำลัง "ยุติเกม" คุณยังดันทุรังจัดเลือกตั้ง จนศาลปกครองอดรนทนไม่ได้ ต้องตัดหน้าเบรคแทน ...กกต. หนอ กกต. ยังมีหน้าออกมา ..."ผมทำผิดอะไร..." click คำพูดของพล.ต.อ.วาสนา ไปตายซะ...สิบชาติก็ไม่รู้ผุดเกิด อำนาจล้นฟ้า จนไม่เหลียวดูรอบข้าง ไม่ออกจากกล่อง ไม่รู้ร้อนร้หนาว ตะบี้ตะบัน ตะแบง ...ผมทำผิดอะไร....ถามจริง ๆ ไม่รู้จริง ๆหรือแกล้งระบายอารมณ์..ถ้าระบายอารมณ์จะให้อภัย... เพราะคนมีสิทธิ์ท้องเสียได้ แต่อยากให้ไประบายในส้วม

(5.) สติแตกหรือ? ที่ไม่เห็นว่าศาลกำลังทำอะไร รีบร้อนรับรอง ส.ส.ที่พิกล พิการ ...ส.ส.ที่เพิ่งหัดใส่รองเท้าหนัง ส.ส.ที่มีคนไปช่วยให้ได้รับเลือกแล้วร้องไห้ ฮัดเช้ย กกต. เห็นคนในประเทศเป็นอะไร ? ท่าน.(ไม่อยากเรียกเลย) เป็นตัวแทนจัด ส.ส.ให้พลเมืองไทยเพื่อปกครองประเทศ ขาดสติหรือ เอาตัวแทน (ส.ส.)อย่างนี้ไปออกกฎหมายหรือ? ท่าน(กระดากปากจริง ๆ) ไม่มีสติ สัมปชัญญะของมนุษย์เลยหรือ ? จะปู้ยี่ ปุ้ยำไปถึงไหน พระองค์ยังทนไม่ได้ ต้องแก้ ต้องหาทางออก แล้วเป็นข้าราชบริพารประสาอะไร? เอาเครื่องราชฯไปถวายคืนเสียเดี๋ยวนี้ อย่าสะพายให้เสื่อมเสียเกียรติพระองค์เลย ตรัสแล้วก็ไม่ได้ยินหรือไรว่า ไม่ควรเลือกตั้งไปแบบพวกเดียว กลุ่มเดียว กกต.โดนเต็ม ๆ ยังมา ...ผมทำผิดอะไร...ครีมทาหน้าหนาที่นักศึกษาให้มานั้น ใช้เสีย...หมดแล้วขอใหม่ได้

(6.) ตะแบงอะไรก็ไม่รอด คนระดับฯ เขาให้ใช้ดุลยพินิจประกอบตำแหน่ง หน้าที่ ไม่ใช่รู้แต่อำนาจ ศึกษาประวัติศาสตร์บ้างไหม? อ่านบ้างหรือเปล่า ? จำตอนดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เปลี่ยนใจทูลเกล้าเสนอชื่อนายอานันท์ ปัญญารชุน เป็นนายกฯแทน พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ได้ไหม ? คนทั้งประเทศไชโยโห่ร้อง ตอนนั้นพล.อ.อ.สมบุญแต่งตัว ตั้งโต๊ะรอพระบรมราชโองการแล้วด้วยนะ ...นั่นคือดุลยพินิจ จิตขั้นสูงของคนระดับ ดร.(ปริญญาเอก) ทำให้อาณาประชาราษร์ ดีใจสุด ๆ บีบแตรให้กัน เปิดไฟรถให้กัน ไขกระจกหน้าต่างรถตะโกนบอกกัน โดยไม่รู้จักกัน "รู้ไหมตั้งอานันท์แล้ว" ข้าพเจ้าน้ำตาซึม น้ำตาไหล พระองค์โปรดให้ดร.อาทิตย์เข้าเฝ้า ฯลฯ คนทั้งประเทศเห็นแสงสว่าง ฟ้าเปลี่ยนสี มีรอยยิ้มบนคนในชาติ ...เฮ้ย...กกต.เกิดทันไหม? เหตุการณ์ตอนนี้มีคุณเกี่ยวข้อง สาหัสกว่าตอนนั้นอีก เลวร้ายกว่าอีก ...ทำไมไม่ทำอะไร เลี้ยวรถกลับลำไม่เป็นหรือ? ให้คนในชาติร้องไชโยเพราะมีนายวาสนา นายปริญญา ทำให้คนเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ไม่ได้หรือ ? ไม่มีอำนาจหรือ หยุดเกม ไม่ลากตั้ง เห็นว่าไม่เหมาะ ...ได้ส.ส.พิกลพิการ ไม่เอาประชาธิปไตยไปเล่นข้าง ๆคู ๆ เป็นเครื่องมือคน คิดไม่ได้หรือ? อยากได้ดร.หรือ เขาไม่ให้หรอก เท่าที่พูดออกมา สัมภาษณ์ก็ตกแล้ว เขาไม่เอาคนมี.....อย่างนี้ไปเป็นดร. จะท้าให้ด้วยว่า กิตติมศักดิ์ก็จะไม่มีสถาบันใดในประเทศให้เลย อ่านประวัติตอนกราบบังคมทูลคุณงามความดีไม่ได้แน่ ๆ นายกสภาฯทุกแห่งไม่อ่านเด็ดขาด ต่อให้ร่างมาดีอย่างไรก็ตาม ยกเว้นมหาวิทยาลัยทักษิณ..คงได้มั้ง คิดไม่ถูกก็อย่าออกมาพูด พูดแล้วเจ็บใจ อยากฆ่าคุณทิ้ง หนอย...ผมทำผิดอะไร ...ไป...ซะ บอกได้อย่างเดียว ...ไว ๆด้วย

(7.) คนระดับประเทศ เป็นตัวแทนคนทั้งประเทศทำงานใหญ่ เอาตำแหน่งมาเป็นสมบัติส่วนตัวได้อย่างไร ทำอย่างนี้แหละเขาเรียกว่า ใช้ตำแหน่งเป็นสมบัติส่วนตัว คุณทำหน้าที่อย่างขาดสติ ไม่มีสำนึก ไม่มีดุลยพินิจกำกับใจ กำกับหน้าที่ ทำหน้าที่เหมือนเสมียน เขาสั่งให้เลือกตั้งก็เลือกตั้ง ก้มหน้าก้มตาทำ ทำ ทำ อย่างนี้ทหารเขาเอาไปฆ่าทิ้ง ถ้าเป็นแม่ทัพ ตะบี้ตะบันพาคนในชาติไปลงเหว ลงนรกทั้งที่ไม่ควรทำ เอาส.ส.พิกลพิการมาเข้าสภาฯได้อย่างไร เพราะสภาฯคือปรัชญาชั้นสูงของประชาธิปไตย อย่าคิดแบบทักษิณซิว่า ส.ส.คือขี้ข้า จ่ายเงินแล้วต้องยกมือ ห้ามพูด ถ้าพูดต้องพูดตามสั่งมันเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณทางเลือกของ ‘ทักษิณ’ แต่สภาฯคือตัวแทนของประชาชนในชาติ กกต.เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณหรือที่เอาใครก็ได้มายกมือ ? หรือ กกต.รับจ้างจัดหาสภาให้ไทยรักไทย....เพื่อให้ครบ"องค์ประกอบ" เขาจึงด่ากันให้ยังไงล่ะ ...แล้วยังมีหน้ามาพูดว่า ...ผมทำผิดอะไร....ในเมื่อ กกต.เป็นผู้จัดหาส.ส. เป็นผู้ตัดสินเกม ก็ต้องคุมเกมให้เป็นตามปรัชญาของบ้านเมือง ไม่ใช่จัดเลือกตั้งให้ได้...ลากตั้งก็เอา ...ในหลวงเบรคเกมที่ไม่เหมาะสม ก็ยังดึงดันรับรองส.ส.อีกอย่างรีบด่วน กลัวไม่ทัน 30 วัน ...ทำให้ติดล๊อคหนักเข้าไปอีก จึงบอกให้ว่า เอาสายสะพายไปถวายคืนเสีย มันหนักนะ เห็นแล้วก็เสียเกียรติแทนพระองค์ อย่าโก้เลย ถ้าใจไม่งามพอ คุณลองหลับตานิดซิ ถ้าศาลปกครองขาดจิตสำนึกนิดเดียว ตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น จะประชุมส.ส.ได้ใช่ไหม? ส.ส.อะไรที่ประชุมกัน ส.ส.ตัวแทนประชาชนแบบไหนล่ะ ...พาเข้าเฝ้า...ไม่เห็นกับเกียรติพระองค์บ้างหรือ? จะให้นานาประเทศลงข่าวเปิดสภาผู้แทนอย่างไร?...... ไปตายซะ สมควรตายจริง ๆ งานนี้ เอาประเทศมาไว้ในมือแต่บีบแตก สร้างรอยสกปรกตามใจ ตามผลประโยชน์ บ้านเมืองจะล่มจมเพราะจิตวิญญาณของคนไม่ถึงเกณฑ์ สว.ทั้งหลายในอนาคตดูไว้ อย่าพิจารณาคนขาดดุลยพินิจ ขาดวิจารณญาณที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง ถ้าคุณไม่ถูกซื้อและเป็นมนุษย์ในสังคมกับเขาสักคน




__________________________________________

ฝากบล็อกนี้ไว้ในอ้อมใจเพื่อน >>> ::TuksinShit.com::
__________________________________________



Create Date : 10 พฤษภาคม 2549
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 16:03:10 น. 64 comments
Counter : 2562 Pageviews.

 


โดย: แตนต่อย วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:09:05 น.  

 
ยังไงก้อไม่ออก ไม่เข้าจายเหรอ จาอยู่ ๆ ไล่อยู่ด้าย


โดย: ชายคา วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:45:24 น.  

 
ฟังที่ท่านออกมาพูดเหมือนกัน ...
ท่านคงไม่มีจิตสำนึกค่ะ ... ที่พูดแบบนี้ออกมา
หรือไม่ก็สติแตกไปแล้ว เหอๆ ...

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกเรานะคะ


โดย: ตะกร้าหวายสีขาว วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:52:18 น.  

 
ว่าจะเจิมจั๊กหน่อย ไม่ทันเสียแร้ว


โดย: คุณย่า IP: 221.128.77.97 วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:02:03 น.  

 
เด๋วจะลองถามโค้ดกระโดดจากคนอื่นดูนะคะ เผื่อว่ามีคนใช้โค้ดที่ไม่เหมือนพี่แหม่มใช้อ่ะค่ะ


โดย: คุณย่า IP: 221.128.77.97 วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:09:40 น.  

 
รูปการ์ตูนสวยจัง เอามาจากไหนอ่ะ

คุณย่า บล๊อคนี้เค้าอัพเอง เจมเองครับ แบบผูกขาดน่ะ


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:27:41 น.  

 
พี่จัดการเรียบร้อยแล้วน้องแก้วจ๋า โดดแล้วจ้า โดดแล้ว





พ่อคุณต่อตระกูลเจ้าขา กล้าๆหน่อยก็ขอความคิดเห็นบ้างสิจ๊ะ กล้าๆหน่อย




โดย: แตนต่อย วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:34:45 น.  

 
เก๋ว่าท่านคงสติแตกอะค่ะ ไม่ก้อบ้าไปแล้วอะค่ะ


โดย: asariss วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:3:04:41 น.  

 
>มันไม่เพียงแต่สติแตกเท่านั้น มักใหญ่ใฝ่สูง คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย หามีความยำเกรงแม้แต่น้อย บังอาจมากทีเดียว
เห็นๆว่าพวกมันเป็นเช่นนี้แล้วคนไทยอีกหลายๆคนก็ยังหลับไม่ตื่น
ฟังๆดูแล้วเหมือนมันจะไม่รู้กฏหมายบ้านเมือง หรือแกล้งโง่ สุดๆแล้วของเชื้อสายพันธุ์นี้ เลวที่สุด


โดย: แตนต่อย วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:02:55 น.  

 


**"สมัคร"อัดอัดมา 3 เดือนได้ทีด่ากราด

นายสมัคร สุนทรเวช ส.ว.กทม.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารายงานตัวต่อวุฒิสภาถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ถูกกดดันให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากการจัดการเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ ว่า อยากถามว่า ทำไมต้องกดดัน กกต.มีความผิดอะไรร้ายแรงหนักหนาทำตัวยิ่งกว่าศาลอีก คนที่ควรกดดันแต่ไม่มีใครสนใจ คนที่มีอำนาจมากกว่าศาลมีอยู่ในบ้านเมืองนี้หรือไม่ ศาลยังไม่กล้าไปสั่งให้ กกต.ลาออก แต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บอกว่า กกต.ต้องลาออก พ.ต.ท.ทักษิณ ีเล่นการเมืองอีกไม่ได้ ทำไมบ้านเมืองเรา เป็นอย่างนี้ ตนไม่ได้เข้าข้างกกต. แต่สื่อมวลชนชอบแส่ไปถามคนนั้นคนนี้ ขนาดอาจารย์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ยังมาด่ากกต.ที่กรุงเทพฯ เป็นการมารุมกินโต๊ะเขา มันผิดอะไรกันหนักหนา

"อย่างสถานีวิทยุเพื่อความมั่นคงของกองทัพบก มันมั่นคงกับผีอะไร ทำไมถึงปล่อยให้มีการปลุกระดมตั้งแต่วันที่1ม.ค. เช้ายันค่ำ กระแทกแดกดันรัฐบาล สื่อทำไมไม่ไปคุ้ยแคะเบื้องลึกเบื้องหลังพวกนั้นบ้าง ผมอัดอั้นมานาน 3 เดือนแล้วและไม่อยู่ในฐานที่พูดได้และไม่เคยให้สัมภาษณ์ แต่วันนี้ต้องขอพูดให้คนในบ้านเมืองนี้ ได้รู้บ้าง มันก็มีคนอัดอั้นคันปากแต่ไม่ออกมาพูด วันนี้ผมขอพูดแทน มันอะไรกันหนักหนาถึงปลุกระดมกันทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่มีใครพูดเรื่องในทางดีเลย ร้ายกันทั้งนั้น ขนาดศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาก็สั่นกันดิก ๆๆ แต่ดูคำวินิจฉัยกลางแล้วมีอะไร ก็บอกให้ออกพระราชกฤษฎีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันมันก็แค่นั้น แต่สื่อออกคำถามแบบถามนำตลอดโดยเฉพาะคลื่น 94 ตัวร้ายเลย"

**อ้างจิตสำนึกจะใช้เฉพาะพวกปลุกระดม

ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ควรจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า มันมีบทลงโทษด้วยเหรอ คุณไปหาบทลงโทษสิมันว่ายังไง ถ้าบอกหันคูหาออกข้างนอก จะต้องติดคุกติดตะรางหรือไม่

ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า เรื่องการลาออกเป็นเรื่องของจริยธรรม นายสมัครกล่าว เรื่องจิตสำนึกมันใช้กันมาก จิตสำนึกนั้นใช้กับเฉพาะกับพวกที่ปลุกระดมให้มันเกลียด ทำไมไม่ไปถามจิตสำนึกของพวกที่มาปลุกระดมบ้าง และที่บอกว่าต้นเหตุอยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณจนเขาพล่ามกันไปทั้งเมืองแล้ว แต่ผมจะบอกให้ว่าต้นเหตุอยู่ที่พวกปลุกระดมไม่เห็นมีใครพูดถึงเลย ไปเกรงกลัวอะไรมัน คนเขากันทำงานกันดีๆมันมาปลุกระดม และข่าวทุกข่าวก็ไม่พูดไปในทางที่ดีรวมหัวกันหมดเล่นนายกฯมาที ตอนนี้ก็มาเล่น กกต. ทำไมสื่อถึงเป็นอย่างนี้ บ้านเมืองมันแย่ ตนกลั้นใจรอมา 3 เดือน ตอนนี้กำลังอ่านหนังสือเรื่องรัสปูตินและศึกษาพฤติกรรมของรัสปูตินอยู่

ส่วนทางออกของการเปิดประชุมรัฐสภาไม่ได้จะทำอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า รอเลือกตั้งมาใหม่จะก็จะเปิดประชุมสภาได้มันจะมีปัญหาอะไร

**ถาม กกต.ไม่ออก พ่อ-แม่ใครเดือดร้อน

"ผมอกยาจะถามที่บอกว่าให้ กกต.ถามสิถ้าเขาไม่ลาออกมีคุณพ่อ คุณแม่ใคร เดือดร้อนหรือไม่ เขาทำผิดอะไรหนักหนา แค่ตั้งคูหากลับด้านต้องติดตะรางเหรอ อย่างสิงค์โปร์คูหาก็หันออกเหมือนกัน เขาก็เลือกตั้งได้ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย การยุบสภาสื่อของเราก็ไปแส่กันหมดว่าไม่มีเหตุให้ยุบสภา อย่างกฎหมายอังกฤษให้รัฐบาลเป็นได้ 5 ปีพอ 3 ปี จังหวะประกาศยุบสภา แล้วเลือกตั้งภายใน 1เดือนไม่มีใครว่า อะไร ผมถามสิมันต้องมีเหตุอะไร สมมุติสภาอีก15วัน หรืออีก30 วันหมดอายุ เขาก็ยุบสภามันต้องมีเหตุอะไรไหมต้องแพ้กฎหมายไหม ต้องทะเลาะกับใครไหมถึงจะยุบสภา จะยุบเมื่อไหรไอ้คนที่ยุบนั่นแหละเสียเปรียบ และนายกฯถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ด่าเป็นเดือน สื่อก็เฮโรเล่นกันไป จนบอกว่าคนที่เป็นปัญหาคือนายกฯมันไม่ใช่ ถามสิไอ้หัวหน้าคนปลุกระดมเป็นใคร เป็นแค่ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ และผู้จัดรายการเท่านั้น แต่นายกฯหัวหน้าพรรคการเมืองมาจากการเลือกตั้งจนได้รับการโปรดเกล้าฯ เข้ามาบริหารบ้านเมือง จะผิดชอบชั่วดีก็ควรลากไปศาล ทำไมไม่ทำ ทำไมต้องให้พวกปลุกระดมมาชี้ว่านายกฯเลว เพราะสื่อเองก็ไม่ชอบนายกฯด้วย" นายสมัครกล่าว



นายสมัคร กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 37 วันมันไม่ชอบ อยากถามว่ามันไม่ชอบยังไง เพราะกฎหมายก็บอกว่า ให้เลือกตั้งภายใน60 วัน และถ้าเขาจะเลือก37วันแล้วเสียหายอะไร ไม่มีทางเลย และไปวินิจฉัยอย่างนี้ได้อย่างไร ทั้ง ๆที่ไม่ได้ทำความผิด มันผิดตรงไหน เพราะรัฐบาลเขาถามคนที่จัดการจัดการเลือกตั้งแล้วคือ กกต. แต่ถ้าเลือกตั้งใน 2 วัน นั้นละผิดด่าได้เลย และในประวัติศาสตร์ไทยยังมีการเลือกตั้งภายใน18 วัน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าไม่ต้องการจะสู้กับเขาและมาบอยคอต จนกลายเป็นคนดีไม่มีใครตำหนิ แต่คนทำตามกฎหมายโดนด่า เลือกตั้งใหม่ถ้าคนเลวจริงก็กลับไม่ได้ต้องไปทั้งพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่าวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ไม้เป็นการหมิ่นศาลหรือ นายสมัคร กล่าวว่า ไปถามศาลได้ ไม่รู้หรือว่าศาลรัฐธรรมนูญวิพากษ์วิจารณ์ได้ ตนไม่ได้ไป วิจารณ์ศาลปกครอง ไปถามศาลรัฐธรรมนูญวิจารณ์ได้หรือไม่ ตนยังยืนยันว่ากกต. ไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่มันมีคนผิดหวังเท่านั้น

เมื่อถามย้ำว่า กกต.จะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า "จะต้องลาออกทำหอกอะไร ความผิดมันร้ายกาจขนาดไหน" เลือกตั้งกันมาตั้ง 9 พรรค ทำไมไม่รอให้การเลือกตั้งวันที่ 29 เม.ย.จบก่อน เพราะถ้ามีปัญหาว่าส.ส.มันไม่ครบก็วินิจฉัยได้

**ลามตีความพระราชดำรัสในหลวง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯระบุว่า การเลือกตั้งพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย นายสมัคร กล่าวว่า อยากถามว่า เข้าใจแค่ไหน เพราะพระองค์ท่านทรงรับสั่งเรื่อง 20 เปอร์เซ็นต์ไว้ด้วย หมายความว่า อย่างการเลือกตั้งในสิงค์โปร์ รายงานข่าวเริ่มต้นมาก็ได้ 37 ที่นั่งแล้ว ทำไมสิงค์โปร์ ไม่มีเรื่อง 20เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นรับสั่งแล้วหมายความว่าให้ดูแบบนี้ด้วยต่างหาก เพราะ37คนของเขาไม่ต้องสู้กับใครแต่ของเราต้องสู้กับ 20เปอร์เซ็นต์ อย่างการรับสั่งเรื่อง 30 วัน หมายความว่าถ้ามันไม่ถูกก็ให้แก้ให้มันถูก

"เห็นรุมเล่นงานกกต.ถ้าเขาอยู่มีใครเดือดร้อนไหมไม่มีใครเดือดร้อนแต่ไปกล่าวหาไม่ไว้วางใจ ผมถามว่าไอ้พวกปลุกระดมมันน่าไว้วางใจไหม ทั้งที่พวกปลุกระดมปิด สะพานมัฆวาน จะจัดงานก็จัดไม่ได้ ไม่มีเหตุผลด่าอย่างเดียวนายกฯต้องออก นายกฯ ต้องไป ตอนนี้มาบอก กกต.ต้องไป ขนาดศาลยังไม่กล้าสั่งเลย" นายสมัคร กล่าว...................


::::ที่มา:::::::click ที่นี่::::


โดย: แตนต่อย วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:55:59 น.  

 
1. 2. 3. 4.

1. พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

2. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย

3. พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

4. ตัวโกงชาติ


เปิดเอกสารลับคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต. ระบุความผิดชัด “ธรรมรักษ์-พงษ์ศักดิ์-เสธ.ไอซ์” สมคบทำผิดว่าจ้างผู้สมัครพรรคเล็กลงสมัครเพื่อปลดล็อก 20 เปอร์เซ็นต์ ผลสรุปชี้ความผิดฐานเป็นภัยและทำลายความมั่นคงถึงขั้นยุบพรรค ให้แจ้งข้อหา “ทักษิณ” และเรียกมาสอบสวนต่อไป

:::ที่มา:::::::click ที่นี่::::


โดย: แตนต่อย วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:18:49 น.  

 
((((ด่วนที่สุด)))))
เว็บนี้มุ่งร้ายต่อประเทศไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างออกหน้าออกตา::::คลิ๊กอ่าน ฟังดูได้ที่นี่::::

เข้าไปซ้ายมือตรงที่เขียนว่า GET IN
แล้วคลิ๊กที่ลิงค์ข้างบน ที่เขียนว่า DOC

ช่วยบอกต่อๆกันไปด้วย


โดย: แตนต่อย วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:08:20 น.  

 


โดย: แตนต่อย วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:13:50 น.  

 
ช่วงนี้ไม่อยากดูข่าวเลยค่ะ ฟังตาลุงหมักกะประธานกกต.สัมภาษณ์ทีไร ต้องเปลี่ยนช่องหนีทุกที รำคาญมากๆ ปากดีกันทั้งนั้นเลยค่ะ


โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:28:13 น.  

 
มากระโดดดึ๋ง ๆ


โดย: คุณย่า (คุณย่า ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:48:27 น.  

 
ไอ้หมักจมูกชมพู่ โว้ย

เอ็งลืมแล้วหรือ ในตอนที่เอ็งกราบตีนจอมพลถนอม กิตติขจร ข้างห้องประชุมใหญ่ของ มธ (ด้านสนามหลวง) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2506 นั้น ซึ่งเป็นวันสถาปนา มธ โดยกราบขอความกรุณาอย่าให้ท่านลบชื่อเอ็งออกจากการเป็นนักศึกษาของ มธ. เพราะเอ็งทะลึ่งหน้าส้นตี? ดันไปเขียนด่าท่านในเรื่องส่วนตัวสมัยที่ท่านยังหนุ่มๆ โดยใช้นามปากกาว่า “ นายหมอดี ” เมื่อเอ็งกราบตีนท่านเสร็จแล้ว เอ็งยังกอดขาท่านไว้แน่นเลย จนท่านยอม โดยที่เอ็งจะต้องกล่าวคำสาบานต่อวัดพระแก้วฯ ว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆของท่านอีก เอ็งจึงกล่าวคำสาบานตามคำบอกของพลโทอำนวย ชัยโรจน์

นับจากวันนั้นไป เอ็งก็เปลี่ยนไปเป็นขวาตกขอบ ประจบสอพลอกับนักเผด็จการทุกรูปแบบ การที่เอ็งเป็นอย่างนี้ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก เพราะตอนนั้นเอ็งมันยากจนมาก เป็นลูกพระยาเหม็ดเอาตอนก่อนเปลี่ยนการปกครองเพียงไม่กี่วัน ก็เลยกินแห้ว ต้องวิ่งขายห่อหมกตามตลาดตามข้างถนนแทน แต่เอ็งมันเป็นคนที่ไม่จักการกตัญญูต่อผู้ที่มีพระคุณต่อเอ็งเลย ท่านทหารเก่า (สละ ลิขิตกุล) อุตส่าห์ช่วยให้ นสพ. สยามรัฐลงบทความห่วยๆ ของเอ็ง และยอมควักเงินของท่านเองเพื่อเป็นค่าเขียนให้เอ็งแทน นสพ. สยามรัฐครั้งละ 50 บาท แต่พอเอ็งใหญ่โตขึ้นมาในสมัย รสช เอ็งก็กลับตอบแทนพระคุณของท่านด้วยการด่าท่านว่า “ ไอ้ แก่หลายนามปากกา ” ท่านก็เลยด่าว่าเอ็งกลับไปว่า “ไอ้ ซ่า จอมเนรคุณ ”

สาเหตุที่เอ็งออกจาก ปชป ก็เพราะอาจารย์เสนีย์ ปราโมชเป็นผู้ไล่เอ็งออกไปจากพรรค เพราะเอ็งดันไปอิจฉาคุณสุรินทร์ มาศดิตถ์ ที่ได้เป็น รมต สำนักนายก แต่เอ็งนั้น อาจารย์จะให้เป็นโฆษก(ปรก) เอ็งก็กลับไปด่าท่าน โดยอ้างว่า คุณสุรินทร์ ไม่มีความรู้ เรียนจบแค่ ม 3 เท่านั้น

เอ็งจำได้ไหมในเวลาประชุมโต้วาที เอ็งถูกนายวีระ หนูพงศ์ (มุสิกพงศ์) สอนมวยในการโต้วาทีจนหัวหมุน เข็ดขี้อ่อนขี้แก่กันตลอด รวมทั้งสาวบัญชีนักเขียนใหญ่ก็เคยด่าเอ็งว่า ไอ้หน้า หม? จนเอ็งต้องวิ่งไปฟ้องกับอาจารย์ผ่อง มิลินทางกูร นายกสโมสร มธ.

หมักหมมเอ๋ย !! เอ็งเคยขายเทปปราศรัยของเอ็ง ในตอนแรกๆ ก็ขายดีเหมือนเทน้ำเทท่า แต่มาในตอนหลังๆ ทำไมถึงขายเทปไม่ได้ เพราะชาวบ้านจับได้ว่า ไอ้ตัวเลขหรูๆต่างๆที่เอ็งอ้างอยู่ตลอดเวลานั้น มันไม่เคยตรงกันเลยสักม้วน เอ็งพูดโกหกตอแห?มาโดยตลอด ซึ่งนายบัญญัติ บรรทัดฐาน (ปชป) เคยด่าเอ็งในเรื่องนี้เอาไว้ จนดังไปทั้งแผ่นดิน และจนเป็นวาทะเด็ดการเมือง คือ เอ็งเป็นนักโกหกคำโต เอ็งเป็นนักโกหกคำโต ยังจำได้ไหม

เอ็งจงจำเอาไว้ให้แม่นน่ะว่า นายกังฉินนายใหญ่ของเอ็งนั้น จะไม่มีทางแต่งตั้งคนแบบ "โมฆะบุรุษ" อย่างเอ็งเป็นประธานวุฒิสภาฯ ตามที่เอ็งคาดหวังเอาไว้หรอก มันหลอกใช้ให้เอ็งเห่าหอนแสดงความเป็นสัตว์เฝ้าบ้าน ในยามที่หาสัตว์ตัวอื่นยังไม่ได้เท่านั้นเอง

นิติ มธ 01..


โดย: ไอ้หมักหน้าหมาบูลด๊อก IP: 202.57.172.163 วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:05:26 น.  

 
ที่ไอ้หนามันบอกว่า ทำไปเพราะมีคนเบื้องหลังบอกให้ทำ ก็เท่ากับมันยอมรับแล้วโดยปริยายว่าการกระทำทั้งหมดของมันนั้นไม่ถูกต้อง ผิดก็ยังทำ อย่างนี้แล้วบอกได้เลยว่าไอ้หนาจิตใต้สำนึกต่ำ ถึงต่ำที่สุด แทนที่มันจะช่วยประเทศชาติทั้งๆรู้ว่าช่วยได้ แต่ก็ไม่ทำ ซ้ำยังมีหน้ามาปกปิดต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศอีกด้วย สมควรตายไอ้วาสนา สกปรกโสมมสิ้นดี ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรมันไม่คำนึง

ทำไมไม่มีใครลากคอมันไปเค้นความจริง




กกต.หากยังมีสำนักความผิดชอบ ชั่วดีเหลืออยู่บ้าง และที่สำคัญคือคุณรับเงินจากประชาชน คุณคือลูกจ้างของประชาชน คุณเป็น(ขี้)ข้าของแผนดิน เป็นข้าราชการในพระบาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านได้ตรัสไปแล้วมากมาย คนมีสติสัมปชัญญ.ปกติ เขารู้เรื่อง กันหมด หากสิ่งเหล่านี้พวกคุณ 4 คน ยังมีโปรดแสดงความรับผิดชอบ ลาออกไปเสีย ก่อนทีีประชาชนเขาจะประชาทัณฑ์ คุณนะ โดยเฉพาะคุณหนา ที่กล่าวาจาจาบจ้วง
กกต.กลุ่มกำลังจะตาย


โดย: แตนต่อย วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:05:30 น.  

 

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย


ชาติไทย เดือดโต้ “ชิดชัย” ปากพล่อยพูดส่งเดช หาว่าตั้งแง่ไม่ยอมไปร่วมหารือกำหนดวันเลือกตั้ง แจงเหตุไม่อยากให้สร้างบรรทัดฐานผิดๆ ชี้ กำหนดวันไหนไม่ว่าแต่ขอให้เป็นธรรมทุกฝ่ายก็พอ แนะคณะกรรมการการเลือกตั้ง กู้ศรัทธาด้วยการสอบหาโม่ง ทรท.ชักใยจ้างพรรคเล็ก


ความคิดเห็นที่ 60
สงสัยว่า เมื่อการกำหนดวันเลือกตั้งกรณีมีการยุบสภาฯ อยู่ในอำนาจหน้าที่ดำเนินการของคณะรัฐมนตรี(มาตรา 116 รธน.) แต่ทำไม กกต.จึงเชิญพรรคการเมืองอื่น ๆ มาร่วม
พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งอันเป็นการหลงอำนาจ(คือเข้าใจผิดในอำนาจหน้าที่ของตนเอง เพราะหน้าที่ที่แท้จริงของ กกต.คือดำเนินการเลือกตั้งตาม พรฎ.ที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีนั้น ให้เป็นไปโดยสุจริตยุติธรรม) และทั้งกรณีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็มุ่งให้ไปแก้ พรฎ.ยุบสภาฯ มาตรา 4 (น่าจะรวมถึงมาตรา 2 ด้วย เพราะถ้าหากไม่ยกเลิกมาตรา 2 ก็จะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 รธน. ทันที) ซึ่งการแก้ไข พรฎ.ดังกล่าวก็เป็นอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะของคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. แม้ประธาน กกต.จะร่วมเป็นผู้รักษาการตาม พรฎ.ดังกล่าว(มาตรา 5) แต่ก็มีหน้าที่เฉพาะดำเนินการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่แก้ไขเพิ่มเติม พรฎ.ยุบสภาฯ แต่อย่างใด)

::::ที่มา::::::click::::


โดย: แตนต่อย วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:17:56 น.  

 
จับตาคดีค้างศาล ปค.ไล่บี้ กกต

โดย ผู้จัดการรายวัน 12 พฤษภาคม 2549 10:07 น.


ผลสะเทือนของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต่อคำร้องที่นายบรรเจิด สิงคะเนติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ที่ขอให้ศาลฯวินิจฉัยให้การเลือกตั้งไม่ชอบรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการกำหนดระยะเวลาเลือกตั้งไม่เหมาะสม เที่ยงธรรมและการลงคะแนนไม่เป็นความลับด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 6 นั้น จะส่งผลไปถึงคดีความอีกหลายคดีที่เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งไม่ชอบธรรม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากยึดตามผลหารือของประมุข 3 ศาล เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวางแนวทางให้การวินิจฉัยไปในทิศทางเดียวกัน ย่อมน่าจับตามองว่าผลแห่งคดีความที่ฟ้องร้องกันอยู่ในเวลานี้ ทั้งคดีในศาลปกครอง และศาลยุติธรรม จะออกมาเช่นใด

คดีหันคูหาในศาลปกครอง

ประเด็นสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ คือ การหันคูหาแบบใหม่ที่ทำให้การลงคะแนนไม่เป็นความลับ ประเด็นดังกล่าวยังเกี่ยวโยงกับคดีความที่อยู่ในมือศาลปกครองอีกหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่เป็นต้นเรื่องให้มีการระงับการเลือกตั้งแซมรอบที่ 3 ในวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา

คำสั่งระงับการเลือกตั้งแซม เป็นผลมาจากการยื่นฟ้องใน 2 คดีตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2549 หรือหลังการเลือกตั้งรอบแรกเพียงวันเดียว ในประเด็นที่มติของ กกต.กำหนดให้หันคูหาเลือกตั้งแบบใหม่ ทำให้ผู้ฟ้องทั้ง 2 คดีเห็นว่าเป็นการขัดต่อมาตรา 104 วรรค 3 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า "การเลือกตั้งให้ใช้วิธีการออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ"

คดีแรกเป็นคดีหมายเลขดำที่ 613/2549 ที่นายโพธิพงศ์ บรรลือวงศ์ ฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงาน กกต. ที่จัดคูหาเลือกตั้งแบบใหม่ในทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นนทบุรี จากเดิมที่หันหน้าให้โต๊ะกรรมการประจำหน่วย มาเป็นแบบหันหลังให้โต๊ะกรรมการประจำหน่วย เป็นเหตุให้บุคคลอื่นที่อยู่นอกคูหาเลือกตั้งเห็นการลงคะแนนได้ ทำให้การลงคะแนนไม่เป็นความลับ ขัดมาตรา 104 วรรคสามของรัฐธรรมนูญ

ผู้ฟ้องยื่นคำฟ้องในวันที่ 3 เม.ย. 2549 มีนายสุกฤษฎิ์ กิติศรีวรพันธุ์ เป็นทนายผู้รับมอบอำนาจ โดยขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนผลการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นนทบุรี ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องรับรองผลการเลือกตั้งและให้กำหนดวันเลือกตั้งในเขตดังกล่าวใหม่ โดยจัดคูหาเลือกตั้งแบบเดิม พร้อมไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 28 เม.ย.เพื่อระงับการรับรองผลการเลือกตั้ง

ส่วนคดีที่สองเป็นคดีหมายเลขดำที่ 620/2549 นายแพทย์ประมวล วีรุตมเสน กับพวกรวม 10 คน (อาทิ นายสมศักดิ์ โกสัยสุข, น.ส.สารี อ๋องสมหวัง, น.ส.สายรุ้ง ทองปลอน เป็นต้น) เป็นผู้ฟ้อง มี กกต. สำนักงาน กกต. และเลขาธิการ กกต. เป็นผู้ถูกฟ้อง ซึ่งในคำฟ้องมีใจความว่าผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 104 วรรคสามของรัฐธรรมนูญได้ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องจัดวางคูหามีลักษณะที่ทำให้บุคคลอื่นมองเห็นและสามารถที่จะรู้หรือคาดหมายได้ว่าผู้ฟ้องและประชาชนผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนให้ใคร ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญและมีผลโดยตรงต่อการใช้สิทธิอย่างอิสระ การกระทำของผู้ถูกฟ้องยังมีลักษณะเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

ผู้ฟ้องยื่นคำฟ้องในวันที่ 3 เม.ย.2549 มีนายนิติธร ล้ำเหลือ กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เป็นทนายผู้รับมอบอำนาจ โดยขอให้ศาลเพิกถอนการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 และนัดไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 28 เม.ย.เพื่อระงับการรับรองผลการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน

สถานะของทั้งสองคดีหลังจากการยื่นฟ้อง ศาลได้รวมคำฟ้องเข้าด้วยกัน เนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหาของคดีใกล้เคียงกัน ในวันที่ 26 เม.ย. ศาลมีคำสั่งไม่รับไต่สวนฉุกเฉินเพื่อระงับการรับรองผลการเลือกตั้งตามที่ผู้ฟ้องร้องขอ ในวันถัดมา (27 เม.ย.) ศาลพิจารณารับฟ้อง ต่อจากนั้นเพียง 1 วัน หลังการประชุมหารือของประมุข 3 ศาล เพียงไม่กี่ชั่วโมง ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งให้กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการเลือกตั้งแซมรอบที่ 3 ในวันที่ 29 เม.ย.2549 ของ 14 เขตเลือกตั้งใน 9 จังหวัดโดยที่ผู้ฟ้องไม่ได้ร้องขอ

หลังจากนั้น ศาลได้นัดไต่สวนในวันที่ 1 พ.ค. เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งทาง กกต.ได้ส่งคำให้การคัดค้าน 4 ประเด็นต่อศาลในวันที่ 4 พ.ค. และท้ายสุดศาลปกครองกลางจะมีคำพิพากษาในวันที่ 16 พ.ค.นี้

คงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า คดีเลือกตั้งในมือศาลปกครอง 2 คดีนี้จะลงเอยเช่นไร แนวทางหนึ่งคือศาลปกครองอาจจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบเนื่องจากเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นมูลเหตุของคดีเป็นโมฆะไปแล้ว

ในขณะที่อีกแนวทางหนึ่งคือ ศาลปกครอง ยังคงเดินหน้าพิจารณาและมีคำพิพากษาต่อไป เนื่องจากเห็นว่าเนื้อหาในคำฟ้องยังคงอยู่ในขอบเขตของอำนาจศาล ทั้งนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความในคดี เห็นไปในแนวทางนี้ เนื่องจากคำฟ้องระบุถึงพฤติการณ์และผลที่เกิดจากการใช้อำนาจตามประกาศ ระเบียบ กฎ และข้อบังคับของ กกต. ซึ่งถือเป็นรายละเอียดที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยลงลึก

"ศาลท่านคงจะดำเนินการต่อ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจำหน่ายคดีนี้ไป เพราะถือว่าการกระทำของ กกต.เป็นการกระทำทางปกครอง คิดว่าศาลปกครองก็คงจะชี้ไปในแนวทางเดียวกัน" ทนายความในคดี ให้สัมภาษณ์

เขามองว่า ข้อสรุปของคดีนี้จะยังประโยชน์ให้เกิดแนวปฏิบัติของ กกต.ต่อไปในอนาคต และการกล่าวอ้างว่า กกต.มีอำนาจอิสระในการจัดการเลือกตั้งก็จะได้ข้อสรุปว่าถึงอย่างไรก็ต้องมีการตรวจสอบ

นอกจากนี้ คำพิพากษาจากศาลปกครอง ยังเป็นสิ่งที่ชี้เจตนาของผู้ถูกฟ้องว่าใช้ดุลพินิจละเอียดรอบคอบหรือไม่ คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมามากน้อยเพียงใด หรือเป็นเจตนาที่เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบหรือไม่ อันจะส่งผลต่อน้ำหนักในการเอาผิดทางอาญาต่อไป

"ข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคใหญ่ช่วยพรรคเล็กหรือการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ความเสียหายที่เกิดจากการที่ต้องเลือกตั้งใหม่ถึง 2 พันกว่าล้านนั้นชัดเจน และต้องมีคนรับผิดชอบ" นายนิติธร กล่าว

นอกจากคดีเหล่านี้แล้ว ศาลปกครองยังรับบทบาทสำคัญในกระบวนการคลี่คลายวิกฤตการเมืองโดยใช้อำนาจตุลาการในครั้งนี้ กล่าวคือ คดีความที่เป็นปมของปัญหาที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองนั้น นอกเหนือจาก 2 คดี ข้างต้น ก็มีอีกหลายคดีในบัญชี

กล่าวจำเพาะคดีที่มีเนื้อหาว่าด้วยการลงคะแนนไม่เป็นความลับ อาทิเช่น คดีหมายเลขดำที่ 771/2549 น.ส.วิจิต เสนาคะบุตร ฟ้อง กกต.และพวกรวม 2 คนเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ในฐานที่จัดเลือกตั้งไม่เป็นความลับในเขตการเลือกตั้งที่ 3 จ.สมุทรสาคร และขอให้ศาลเพิกถอนผลการเลือกตั้งในเขตดังกล่าว พร้อมให้ กกต.ชดใช้เงินจำนวน 200 บาท

เช่นเดียวกับคดีหมายเลขดำที่ 774/2549 ที่นายเอก ศักดิ์สิทธิ์ ฟ้องต่อ กกต.และพวกรวม 2 คน ในวันเดียวกัน โดยระบุว่า กกต.จัดการเลือกตั้งไม่เป็นความลับขัดต่อรัฐธรรมนูญ และขอให้ศาลสั่งให้ กกต.จ่ายค่าชดใช้เป็นเงิน 200 บาทด้วยเช่นกัน

ปมกำหนดวันเลือกตั้ง

ในคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ ยังระบุเหตุผลอีกประเด็นที่ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ชอบธรรม คือ มาตรา 4 ที่กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปนั้น ส่งผลให้เกิดการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรมและไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

คดีกำหนดวันเลือกตั้งที่อยู่ในศาลปกครองและรอการตัดสินว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ มีดังนี้

คดีหมายเลขดำที่ 19/2549 ยื่นฟ้องในวันที่ 27 เม.ย. โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ หนึ่งในผู้ฟ้องร่วมกับนายนคร ชมภูชาติ จากสภาทนายความ และนายไพโรจน์ พลเพ็ชร จากสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ฟ้องต่อศาลปกครองว่า นายกรัฐมนตรีและ กกต.ที่ออกพระราชกฤษฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้ฟ้องคดีได้ชี้ว่า มาตรา 3 และ 4 ของพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2549 เฉพาะในส่วนของการจัดการเลือกตั้ง การกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไป มีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติและเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ รวมทั้งกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะการกำหนดวันเลือกตั้งเพียง 37 วัน ขัดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งบัญญัติไว้ว่าให้เวลาถึง 60 วัน ผู้ฟ้องจึงขอให้ศาลเพิกถอน พ.ร.ฎ.ยุบสภา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการไต่สวน

ประเด็นเดียวกันนี้ ยังมีคดีหมายเลขดำที่ 17/2549 ที่นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ตัวแทนกลุ่มคนรักสงขลา เข้าฟ้องต่อศาลปกครองสงขลา เมื่อวันที่ 26 เม.ย. เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมาตรา 3 และ 4 ในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549 ด้วยเห็นว่าเป็น พ.ร.ฎ.ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่ดำเนินการในช่วงปิดสมัยประชุมและกำหนดวันเลือกตั้งให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ

คดีฟ้องกกต.ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

สำหรับคดีที่มีการฟ้องร้องต่อกกต.ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่ยื่นต่อศาลปกครอง ซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวเนื่องไปถึงการฟ้องร้องกกต.ในคดีอาญา มีดังนี้

คดีหมายเลขดำที่ 601/2549 นายสุริยะใส กตะศิลา ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุให้ กกต.เป็นผู้ถูกฟ้อง ฐานที่ละเลยล่าช้าในการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยระบุถึงพฤติการณ์ อาทิ การหาเสียงโดยมีการสัญญาว่าจะให้ การแจกเงินให้กับนักศึกษาอาชีวะ ฯลฯ ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงของศาล

นอกจากนั้น ยังมีคดีหมายเลขดำที่ 769/2549 ที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นฟ้องในวันที่ 1 พ.ค. 2549 ระบุว่าการที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตการเลือกตั้งที่ 6 จ.นครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลสั่งให้ กกต.สอบสวนการรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าว และขอให้มีการจัดการเลือกตั้งในเขตดังกล่าวใหม่

ในวันเดียวกัน ยังมีการฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 772/2549 นายสมพล หริกุล ฟ้องต่อ กกร.และพวกรวม 2 คน โดยระบุว่า กกต.แต่งตั้ง กกต.ประจำเขตการเลือกตั้งโดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้การเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้การเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.เป็นโมฆะ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการไต่สวน และคดีหมายเลขดำที่ 773/2549 นายฉลองชัย ยงเสมอ ฟ้องต่อ กกต. ที่รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 2 และ 23 เม.ย. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลเพิกถอนการรับรองและขอให้ศาลส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ศาลปกครอง ยังมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งค้างเติ่งอยู่ในศาลอีกหลายคดีด้วยกัน อาทิเช่น คดีหมายเลขดำที่ 588/2549 ซึ่งนายนิมิตร์ เทียนอุดม ยื่นฟ้อง กกต.และสำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ร้องให้ศาลเพิกถอนมติของ กกต.ที่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้ตรายางในการทำเครื่องหมายในบัตรลงคะแนน รวมถึงยุติการประชาสัมพันธ์ในวิธีการดังกล่าวด้วย

ต่อมา ศาลได้มีมาตรการคุ้มครองฉุกเฉินให้ กกต. จัดเตรียมและประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิฯ สามารถใช้ปากกาและตรายางได้
ล่าสุด กกต.อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความขอบเขตอำนาจของ กกต.

เกมคดีของ ปชป.

ส่วนความเคลื่อนไหวจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเปิดแนวรบด้านคดีความในหลายคดีด้วยกัน ได้แก่ คดีหมายเลขดำที่ 743/2549 นายถาวร เสนเนียม และนายวิทยา แก้วภราดัย 2 แกนนำพรรคไทยรักไทย เข้าฟ้อง กกต. เมื่อวันที่ 27 เม.ย. เพื่อร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งให้เป็นโมฆะ โดยให้ศาลวินิจฉัยกรณีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และการกำหนดให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาว่าขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่

คำฟ้อง ชี้ประเด็นว่า เหตุแห่งการยุบสภาไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ต้องเกิดความขัดแย้งในสภา การกำหนดวันเลือกตั้งเพียงแค่ 37 วันหลังการยุบสภา ทั้งๆ ที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเปิดให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน แสดงให้เห็นถึงเจตนาว่าไม่ได้ต้องการให้เกิดความสุจริตเที่ยงธรรม ทำให้เกิดความเสียเปรียบและไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมืองอื่น

ในการฟ้องวันเดียวกัน แกนนำทั้งสองคนของพรรคประชาธิปัตย์ ยังฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ซึ่งท้ายที่สุดศาลรับคำฟ้องเพียงแค่คดีแรกเท่านั้น สำหรับความคืบหน้าของคดีนี้อยู่ในระหว่างการไต่สวน

ขณะเดียวกัน นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และพวกรวม 12 คน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในคดีหมายเลขดำที่ 768/2549 โดยระบุผู้ฟ้องเป็น กกต., กกต.ทั้ง 4 คน, สำนักงาน กกต., เลขาธิการ กกต., เลขาธิการสำนักงาน และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา รวม 9 ราย เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งในหลายประเด็น อาทิ ให้การเลือกตั้งทุกครั้งตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ เพิกถอนประกาศ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย., ให้เลขาธิการสำนักงานวุฒิสภา และสำนักงานวุฒิสภา ดำเนินการสรรหา กกต.ในตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อให้มี กกต.ที่ถูกต้อง โดยนำรายชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายใน 45 วัน และให้ กกต.จัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่มีการสรรหาเสร็จสิ้น

นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลมีคำสั่งให้ กกต.ร่วมกันตรวจสอบการแก้ไขข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองในทะเบียนพรรคการเมือง ทั้งส่วนของข้อมูลในพรรคการเมืองเอง และข้อมูลของ กกต. ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้ง และ ให้ กกต.เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงและตรวจสอบได้

ส่วนของพรรคชาติไทยเองก็มีการเคลื่อนไหวจี้ กกต.ด้วยคดีความในคดีหมายเลขดำที่ 760/2549 ที่นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ เลขาธิการพรรคฯ และพวกรวม 3 คน ฟ้อง กกต.และพวกรวม 5 คนในวันที่ 28 เม.ย. โดยระบุว่าผู้ถูกฟ้องจัดการเลือกตั้งโดยให้การลงคะแนนไม่เป็นความลับด้วยเช่นกัน และขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.

อันที่จริง การดาหน้าเข้าพึ่งศาล เป็นยุทธวิธีที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการมาโดยตลอดช่วงเวลาแห่งการเลือกตั้งนับตั้งแต่การหาเสียง จนกระทั่งถึงวินาทีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติล้มการเลือกตั้ง

คดีความทั้งหมด สะท้อนให้เห็นวิกฤตการเลือกตั้งภายใต้การจัดการของ กกต.ชุดนี้อย่างชัดแจ้งและเป็นเรื่องที่กกต.ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาทั้งมวลที่เกิดขึ้น

:::click news:::




โดย: แตนต่อย วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:37:11 น.  

 
โอคุณพระ

แม่โสมพยายามบอกกล่าวชาวประชามาก่อนยุบสภา ในหลายๆเรื่อง

โดยเฉพาะ เรื่อง ใน คคห 9

แต่แม่โสมกลับโดนปวงชนด่า รวมทั้งเลห่าหน้าม้าก็รุมกระทืบ

ตั้งแต่นั่นแม่โสม ก็โดนถีบออกจากกลุ่มเพื่อน และถูกเกลียดชังมาก มาจนทุกวันนี้

วันนี้ดีใจจัง ที่มีคนรู้เท่าทัน

อย่างน้อยคนไทยก็ยังมีความหวังกันละ

ไชโย๊...




โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:30:11 น.  

 
ขอขอบคุณ คุณโสมรัศมีค่ะ



โดย: แตนต่อย วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:56:39 น.  

 
คุณโสมรัศมีคะ ที่ว่าเป็นคนน่ารังเกียจของเพื่อนๆนั้น ส่วนต้วแล้ว มีความเห็นว่า เพื่อนๆอีกหลายคน คงกลัวหรือไม่กล้าออกความคิดเห็นในเรื่องการเมืองนะคะ

.....ก็ไม่เป็นไร เราก็ทำหน้าที่ของเรา ทำสิ่งที่อยากทำ ทำต่อไปเท่าที่ทำได้ค่ะ

ดีใจที่ได้เพื่อนคอเดียวกัน


โดย: แตนต่อย วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:15:00 น.  

 
เมื่อไหร่จะได้นายกคนใหม่ซะทีเนอะ เรื่องวุ่นๆ จะได้จบลงซักที


โดย: Malee30 วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:19:19 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 40

สุนัขรับใช้ ทรท หนีไปกันทีละตัวสองตัว
ซ๊าธุ ไปๆวะให้พ้นประเทศไทย ชิ๊วววๆๆๆๆ

ที่มา click::::
((((ข่าวด่วนจากสาวไทยในแอลเอ วิษณุ อยู่ที่เมกาแล้ว)))))


::::click::::


โดย: แตนต่อย วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:54:15 น.  

 
โอ พระเจ้า


โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:19:23 น.  

 

แปลกจัง ช่วงนี้เจอแต่ดอกสาละ วันก่อนก้ถ่ายรูปมา

คุณโสมรัศมีคะ ที่ว่าเป็นคนน่ารังเกียจของเพื่อนๆนั้น ส่วนต้วแล้ว มีความเห็นว่า เพื่อนๆอีกหลายคน คงกลัวหรือไม่กล้าออกความคิดเห็นในเรื่องการเมืองนะคะ


คุณแตนรู้ป่าวเราโดนไร

เพื่อนในสินธร ที่คบกันมานานสองปี คบหาสมาคม และบางคนรู้ลึก ขนาดรู้ว่ามแสมมีที่มาเป็นอย่างไร ยังรุมด่า

บางคนด่าแบบมีวาระซ่อนเร้น

แล้วรู้ว่าพวกลิ่วล้อสี่เหลี่ยม ที่ไม่รู้ตาม้าตาเรือมารุมด่าแม่โสมด้วย

บางคนถามหลังไมค์แม่โสมว่า ป้าๆ ป้าทำไมแรงจัง ปกติเห็นเป็นคนประนีประนอม

แม่โสมถือว่า คนคุยการเมือง ขัดแย้งกันเป็นเรื่องปกติ

ปกติแม่โสมเล่นเฮฮา

แต่พอรู้ว่าภัยกำลังมา เลยแปลงร่าง

เพื่อนๆเลยงง พวกลิ่วล้อ คงคอดว่า อีป้านี่เอาเรื่องที่เม้าข้างตลาดมาพูดสิท่า

โดยเขาไม่รู้ว่าเราเป็นใคร <<< พวกลิ่งล้อเราไม่แคร์นะ

แคร์แต่คนที่รุมเราที่เป็นเพื่อน ที่รู้ว่าเราเป็นใครเท่านั้น

ตอนนั้นเราจัดมิตติ้ง พอมีเรื่อง หัวกลุ่มที่เราอาศัยคบหาอยู่อย่างสนิทสนม

ส่งเมลมาบอกว่าไม่มา แต่บอกอย่างไม่เพราะ

และหลังจากนั้น คนก็รุมประนามเรา

แต่เพื่อนๆที่ไม่สนิท ที่เขาสงบปาก แต่เขาเห็นต่าง แต่เขาแยกแยะได้ก็มีมากนะคะ

มีแต่กลุ่มที่เราคบสนิท ดันไม่แยก ถีบเราออกจากกลุ่มกระทันหัน

คนทั้งกลุ่มนั้นก็ว่าตาม

สร้างความงงให้แม่โสมมาจนบัดนี้ ว่า คนระดับที่ขับเคลื่อนสังคม แยกแยะ และให้อภัยไม่ได้

แม่โสมงง และ เรียนตามตรงว่า ขยาดคนไปเลย

ซ้ำร้ายอะไรรู้ปะ

แม่โสมมารู้เมื่อวันงานมิตติ้งว่า

เพื่อนที่แม่โสมพาเข้าไป ซึ่งก็มีอายุการคบหากัน พอๆกับแม่โสม ก็โดนตัดออกด้วย

ทั้งๆที่เค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย แม่โสมยิ่งขยาดคนหนักขึ้น

และเสียใจว้ำแล้วซ้ำเล่า ที่กรกระทำของเรา

ทำให้อีกคนต้องเดือดร้อนโดยไม่รู้ตาม้าตาเรือ

แต่ไม่ต้องห่วง แม้ไม่เข้าใจ แต่แม่โสมก็ยอมรับกับทุกสิ่ง

อืม ไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว

ไว้มีไรคุยหลังไมค์กันดีฝ่าค่ะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:39:24 น.  

 
แก้คำ

ขนาดรู้ว่า*มแสม*มีที่มาเป็นอย่างไร

เป็น แม่โสม*

คง*คอด*ว่า = คิด* (เติมอีกนิด) "หรือมไม่คิดอะไรเลย มีหน้าที่ด่าฝ่ายตรงข้าม ก็ทำหน้าที่กันอย่างเคร่งเครียด"

หัว*กลุ่ม = หัวหน้ากลุ่ม ความจริง เค้าเรียก หัวหน้าแก้งค์



โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:48:40 น.  

 
ความจริง เรื่องการถูกดีดออกจากกลุ่ม มีอะไร ซ้อนลึก ลึกซ้อน ซ้อนแล้วซ้อนเล่ายิ่งกว่านั้น

"เขียนบอกไว้ เผื่อเหล่าเขาพลัดหลงเข้ามาอ่าน เด๋วจะพานคิดเรื่อยเปื่อยไปในทางหาเรื่องด่าแม่โสมอีก"

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:53:23 น.  

 
อ้อ... คุณแตน

ขอความกรุณาอีกคำรบหนึ่งค่ะ

กรุณาอย่านำชื่อแม่โสมเข้าร่วมใดใด

เพราะแม่โสมชอบทำงานใต้ดินค่ะ

และแม่โสมก็ใจกว้าง ฟังทุกอย่างด้วยการพยายามทำใจให้ว่างที่จะรรับฟังและพิจารณาทุกอย่าง อย่างเป็นธรรมที่สุดอยู่แล้ว

แม่โสมมีอะไรก็ว่าตามเนื้อผ้า และปราศจากอคติใดใด

แต่เห็นจะจะล่ะว่า "อะไรเป็นอะไร"

และเข้าใจดีในหลายอย่าง

ผลออกมา ก็เป็นผลิตผลทางความคิด ที่คิดพิจารณาตามเนื้อผ้าล้วนๆ

ว่า... ไปเถิด ไปที่ชอบ ที่ชอบ เถิดพวกท่าน

เห้อ...


โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:58:35 น.  

 
เข้าไปอ่านเวบไซด์ที่ว่ามาแล้วครับ มันเลวมากๆๆๆ มันทำได้ยังไงเนี่ย ไอ้บุช


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:02:22 น.  

 
เติมคำ

ว่า... ไปเถิด ไปที่ชอบ ที่ชอบ เถิดพวกท่าน "ชาวสี่เหลี่ยม"

ฮ่าๆๆ โทดทีเขียนเยอะไปหน่อย

นานๆได้เจอสหายสักที ก็งี้แหละ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:04:22 น.  

 
แวะมาเยี่ยม


โดย: C'est Si Bon (C'est Si Bon ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:47:04 น.  

 
แวะมาร่วมลงนามถวายพระพรแล้วจ้าคุณแหม่ม วันนี้เครื่องไม่รู้เป็นอะไรอืดมากมากเลยค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณแหม่ม
อย่าเครียดการเมืองมากนักนะคะ ขอให้ได้คนดีมาบริหารบ้านเมืองเน้อ..อ บ้านเมืองจะได้เจริญรุ่งเรืองค่ะ


โดย: โบตั๋น IP: 203.147.13.38 วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:32:25 น.  

 
ด้วยความยินดีค่ะคุณแหม่ม

(เรียกตามคุณโบเสียเลย ฮิฮิ)

แล้วจะติดต่อไปทางอีเมลค่ะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:31:25 น.  

 
พี่หนาหนีไปออสละ เหอๆๆ หนาไกลข้ามทวีป


โดย: นายเบียร์ วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:01:13 น.  

 
ฮ่าๆๆๆ ทำรูปในกล่องเมนท์
แก้เครียดเรื่องการเมืองน่ะ

กำลังเชียร์บอลกันอยู่ไม่ใช่หรือ



โดย: แตนต่อย วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:09:12 น.  

 


รูปนี้ไง



โดย: แตนต่อย วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:35:11 น.  

 
หงส์แดง

แชมป์ FA Cup










โดย: ชายคา วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:56:15 น.  

 
ความผิดของทรราช ทักษิณ ชินวัตร
คนขายชาติปล้นแผ่นดิน

------------------

1. สี่ปีแรกเอาเงินคลังมาแจกแถมสร้างภาพ สี่ปีหลังยึดสมบัติต้นทุนของชาติเข้าตลาดหุ้นแปรรูปมาเป็นสมบัติของพรรคพวกตนที่ถือหุ้น

2. ประชานิยม แจกแถมจนเงินหมดคงคลังแล้ว มีแต่ตัวเลขลวงชาวบ้านไปวันๆเบี้ยวแม้เงินเสี่ยงภัยของครู 3 จ.ใต้อย่างน่าอดสู

3. วงศาคณาญาติพวกพ้องยิ่งมั่งคั่ง แต่เงินคลังประเทศถังแตก ต้องกู้เป็นแสนๆล้านจะตามมาอีกหลายงวด

4. ห้ามประชาชนและสภาคิดอ่านคิดร่วมงานบริหารประเทศ “คิดเองแทนให้ทุกเรื่อง” เพราะเห็นตนเองฉลาดอยู่คนเดียวนอกนี้โง่หมด

5. คนในตระกูลเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริงหาใช่เป็นพรรคมหาชนแม้แต่น้อย ส.ส.-ส.ว. ในคอก คือลูกจ้างทำตามนายสั่งอย่างเดียว

6. ผู้นำที่เป็นนักลงทุนข้ามชาติ ย่อมไม่มีความเป็นชาตินิยมได้ เพราะต้องร่วมสมผลประโยชน์ทำธุรกิจกับต่างชาติ เอาผลประโยชน์แผ่นดินมาแลกกับผลประโยชน์ธุรกิจตน

7. สร้างภาพไม่ให้ขายบุหรี่เปิดเผย แต่อนุมัติเงิน 18,000 ล้านบาทสร้างโรงงานยาสูบสุดแพงที่เชียงใหม่ นายหน้าที่ดินเครื่องจักรเป็นใคร ?

8. ครอบงำและทำลายองค์กรอิสระจนเป็นง่อยเปลี้ย ขาดความสมดุลการตรวจสอบ

9. ครอบงำทีวี ทั้ง 6 ช่อง บงการเป็นกระบอกเสียงของตน เสนอข่าวด้านเดียว ใครพูดเรื่องคอร์รัปชั่นโดนปลดรายการ มันคิดว่าทรัพย์สาธารณะ สภา ทำเนียบของประชาชนเป็นสมบัติของบริษัทมันทั้งสิ้น

10. แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทรัพย์สินมีมูลค่าซ่อนเร้นนับล้านๆบาท จะทำกำไรมหาศาลแก่ผู้ถือหุ้น เอาสมบัติต้นทุนของแผ่นดินมาแปรรูปเป็นสมบัตินายทุนหุ้น กำไรที่เคยเข้าคลังกลายเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่แทนทันทีและแก้กฎหมายให้ต่างชาติมาถือหุ้นได้มากขึ้นทุกขณะ

11. พยายามปลดคุณหญิงตงฉิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้วส่งรายชื่อคนของตนเองขึ้นไปทั้ง สตง.และ ปปช. แต่ถูกตีกลับแล้วยังไม่รู้ตัวว่ากระทำมิควร ไม่ยอมลาออกแสดงสปิริตแม้แต่คนเดียว

12. กว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชนอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 5 ปี

13. กว้านซื้อธนาคารและสถาบันการเงินอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 5 ปี

14. กลิ่นเหม็นสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าก่อสร้างหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท ยุบยับทุกพื้นที่

15. กำไรจำหน่ายสลากกินแบ่งเคยเข้าคลังเข้ารัฐ ปัจจุบันไม่เข้าคลัง รัฐบาลเอาไปแจกจ่ายใครกันอย่างไรเปิดเผยเสียที

16. อุ้มฆ่าชาวบ้านอย่างหนัก สร้างเงื่อนไขสงคราม บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน

17. ชุมชนง่อยเป็นเปลี้ย รอแต่เงินรัฐบาลโยนมารอบแล้วรอบเล่า ไม่พัฒนาตนเองได้เช่น ร้าน SML ที่รัฐบาลให้เงินมาได้ปิดกิจการหมดแล้ว แข่งขันกับห้างต่างชาติไม่ได้ นโยบายผลาญงบแผ่นดิน ไม่เคยมีนโยบายให้พึ่งตนเองได้อย่างถาวรสักโครงการ

18. รถยนต์แห่งชาติ กาแฟแห่งชาติ เทคโนโลยีแห่งชาติ อาวุธแห่งชาติ สินค้าแบรนด์เนมไทยไม่มีโอกาสได้เกิด เพราะพวก“นายหน้าทุนต่างชาติ” เข้ามาร่วมบริหารอยู่ในรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์แห่งตนไว้ก่อน

19. ประเทศไทยยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก เช่น ภาคอีสานจากการ สำรวจพบว่ามี แร่ทองแดงและโพแทสเซียม สมบูรณ์ที่สุดในโลก ร่างพ.ร.บ.เสียเปรียบให้ต่างชาติเข้าครอบครองในการทำเหมืองดังกล่าวสิ้น

20. ชาวบ้านรากหญ้ามีแต่หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เปิดโครงการให้กู้เงินอีกสถาบันมาล้างหนี้อีกสถาบันยิ่งเสียดอกมากขึ้น คนจนจะไม่มีอีกต่อไป เพราะอดตายกันหมดแล้ว

21. โกงลำไยแห้ง โกงโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่านหลายหมื่นล้าน เอาตัวเล็กๆมาเป็นแพะ ตัวใหญ่ลอยนวลเพราะอยู่ใกล้ตัว

22. คาร์ปาร์คสุดอื้อฉาว ทุจริตกล้ายางก็เงียบฉี่

23. ต่ออายุราชการให้น้องเขยครั้งแล้วครั้งเล่าอีกแล้วครับท่าน ไม่อายสังคมเลยแม้แต่น้อย

24. ให้ฝรั่งมังค่าเข้ามาประมูลประเทศถึงทำเนียบโดยสภาพัฒน์และนายคลังยังไม่รู้นโยบายประเทศของตนเองเลยว่า “มีแบบนี้ด้วยเหรอ” แต่ไม่มีโครงการที่จะเอาฝรั่งที่ชำนาญการปราบคอรัปชั่นเข้ามาด้วย เพราะตอนนี้ประชาระทมโดนโกงกันจนคลัง “ถังแตก” แล้วครับ

25. คอมมิชชั่นเครื่องบิน SU-30 MK กำลังจะเข้าปากหมา พวกกัลยาณมิตรกลับใจไม่น่ามาขวางเลย

26. ที่แท้พรรคพวกได้ผลประโยชน์ข้างเคียงก่อสร้างไนท์ซาฟารี

27. เซ็นสัญญา FTA โดยไทยเสียเปรียบมาก ไทยขาดการวิจัยและผลิตยา 20 กว่าชนิดเป็นเวลา 25 ปี และไม่ให้ปลูกข้าวหอมมะลิสองสายพันธุ์ ต่างชาติอ้างถือสิทธิบัตร ภาคเกษตรให้เสรีนำเข้าปลอดภาษี ตีภาคผลิตของคนไทย ทุนนิยมสุดโต่ง

28. ทำลายความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ บ้าอำนาจใช้พระเดชปกครอง ขู่เข็ญ สร้างเงื่อนไขให้ข้าราชการให้รับใช้สอพลอตน ถ้าแสดงออกได้ดีจะได้รับตำแหน่งข้ามหัวเพื่อน

29. คนรวยที่สุด จ้างคนจนที่สุด มาให้ดอกไม้ตน ไม่อดสูใจกันเลย

30. ไปสิงคโปร์ 4 วันเพื่อบรรลุข้อตกลงให้ต่างชาติซื้อหุ้นได้เงินเกือบแสนล้าน แท้จริงเป็นการโยกหุ้นไปอยู่ในกองทุนต่างชาติเพื่อหลบหนีภาษีและป้องกันการถูกยึดในภายหลังหมดอำนาจ แอบตั้งบริษัทที่ไม่รักชาติ เพื่อซุกซ่อนสมบัติ เลี่ยงภาษีที่เกาะหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น

31. มีจิตใจอาฆาตต่อราษฎรและไร้เมตตาธรรมต่อผู้ที่คิดเห็นต่างตน แม้ 19 ล้านเสียงก็ขว้างเกือกคืนให้แล้วยังมีหน้าเอามาอ้างอีก

32. คุกคาม แทรกแซงสื่อทุกรูปแบบกระทำผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เช่นให้ตัดสายเคเบิ้ลของสื่อที่คิดต่างตนจนต้องพึ่งศาลปกครองกลาง

33. ศักดิ์ศรีประเทศไทยอยู่ตรงไหน ต่อการขายสมบัติของแผ่นดินไปให้ต่างชาติแถมกำไรเข้ากระเป๋านักการเมือง เขาซื้อเราขาย ใครเป็นมหาอำนาจ ใครเป็นขี้ข้าหมดทรัพย์ หนังคนละเรื่องกันเลย

34. ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนใหญ่ไม่กี่ตระกูลที่รวมหัวกับต่างชาติปั่นทำกำไร

35. รถไฟไทยขาดทุน ไม่เคยมีผู้บริหารเก่ง สามารถพัฒนาให้ดีมีกำไรได้สักคน แต่ขายเก่งเก่งขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรอยู่แล้วเข้าตลาดหุ้นซึ่งพรรคพวกตนเองก็กว้านซื้อทำกำไรมหาศาลให้ตนเองไม่กี่ตระกูล

36.ไม่เคยมียุคสมัยไหนที่คณะผู้บริหารบ้านเมืองคิดพิเรนทร์ ขนาดจะขายแผ่นดินไทยเท่าสมัยนี้อีกแล้ว เตรียมออกกฎหมายที่ดิน เพื่อเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถ ”ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินประเทศไทยได้100%” พอดีมีพลังประชาชนออกมาขับไล่เสียก่อน
-----------------

เมื่อก่อนโคตรโกง-วันนี้โกงกันทั้งโคตร
สมศรี


โดย: แตนต่อย วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:48:41 น.  

 


ผ่านไปทางจตุจักร ก็เห็นตลาดนัดติดแอร์ที่กำลังสร้าง สงสารพ่อค้าแม่ขายแถวนั้นเหมือนกัน ที่จะโดนไล่ที่ไปที่อื่นหรือไม่ก็ต้องเช้าที่กำลังสร้าง
เขาว่ากันว่าเป็นของลูกชาย ....ยังไม่รู้เลยสร้างเสร็จแล้วพวกเค้าจะทำอย่างไร


โดย: PANDIN วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:42:53 น.  

 
ถึงคราวนี้ ผมทายว่าเค้าต้องเว้นวรรค ยาวแบบตลอดไปแล้วละ

ส่วนพรรคการเมืองก็คงจะค่อย ๆ แตกแยกกันไป เหมือนที่หลาย ๆ พรรคเคยเป็น


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:07:07 น.  

 
ดอกสาละที่ว่า คุณแหม่มนำไปปลูกที่สวิสได้ด้วยหรือคะ

งั้น สาละ แท้จริงแล้ว ต้นกำเนิดคงมาจากอินเดียเป็นแน่แท้

ชิมิค๊า...


โดย: โสมรัศมี วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:24:10 น.  

 
1. 2. 3. 4.
1.พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ
2. พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ
3. นายวีระชัย แนวบุญเนียร
4. นายปริญญา นาคฉัตรีย์

อาญาแผ่นดิน!...กฎแห่งกรรมที่ “อย่างหนา” ต้องชดใช้

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2549 13:28 น.


“ผมไม่ใช่สุนัขข้างถนน ที่จะอยู่ให้ถูกไล่ตะเพิดถูกตี”
“ผมดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่เคยนอกกรอบ พูดมากก็เหมือนแก้ตัว ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธก็ยังเชื่อกฎแห่งกรรม และในปัจจุบันที่เรียกว่ายุคโลกาภิวัตน์นี้ บางคนก็ได้รับกรรมทันตาเห็น ก็ขอเรียนว่าขอยึดกฎแห่งกรรมเป็นหลัก ก็คอยดูกันไป ถึงตอนนี้สุขภาพร่างกายก็ยังพออยู่ได้ แต่จะอยู่ได้อีกกี่ปีก็ไม่ทราบ ก็คงจะได้เห็น คงจะไม่นานเกินรอ”

คำกล่าวส่วนหนึ่งของ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีต่อกลุ่มชาวบ้านซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจถึงอาคารศรีจุลทรัพย์ เมื่อบ่ายวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ประชุมสามศาลออกมาเสนอแนวทางให้ กกต.ทั้งชุดแสดงความเสียสละโดยการลาออก เพื่อเปิดช่องทางให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 138 (3) ในการแก้ปัญหาวิกฤตชาติ ถือเป็นภาพการเรียกคะแนนสงสารที่หลอมละลายหัวใจคนไทยได้ไม่น้อย

แต่การแสดงพฤติกรรม “อย่างหนา” ดังกล่าว เพียงเพื่อหาความชอบธรรมในการเกาะเก้าอี้ กกต.ต่อไปของ พล.ต.อ.วาสนา และพวก ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งสำคัญ เพราะการดื้อแพ่งไม่ยอมรับฟังมติจากฝ่ายตุลาการ ที่กำลังดำเนินภารกิจแก้ปัญหาของชาติ ตามกระแสพระราชดำรัส นั้น แม้จะทำให้ กกต.ทั้ง 4 ยืดเวลาการคงอยู่ในอำนาจได้อีกระยะหนึ่ง และอาจสามารถจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายใต้ร่มเงาพรรคไทยรักไทยได้สำเร็จ แต่รับรองได้เลยว่าหลังพ้นจากตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ กกต.ทั้ง 4 จะได้งานใหม่ทันทีโดยไม่ต้องเดินหานั่นคือการเดินสายขึ้นโรงขึ้นศาลกันแบบวันต่อวัน

เอาแค่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กกต.ชุดนี้ถูกฟ้องคดีทางปกครองเกี่ยวกับการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์กับพรรคไทยรักไทย ไปแล้วเกือบ 10 คดี และที่สำคัญยังมีคดีอาญาที่ กกต.ทั้ง 4 ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้วถึง 3 คดี

คดีแรก ถูก นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีออกประกาศรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขตใหม่ เอื้อประโยชน์ให้พรรคเล็กส่งผู้สมัครแบบเวียนเทียน

ส่วนคดีที่สอง ถูกแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน และอดีต ส.ว. ฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในฐานะคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยไม่สุจริต และเที่ยงธรรมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ และสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 และประมวลกฎหมายอาญา กรณีจัดให้มีการเลือกตั้งขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งกรณีกำหนดระยะเวลาการเลือกตั้ง วันที่ 2 เม.ย.2549 น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การจัดคูหาเลือกตั้งโดยหันคูหาออกด้านหน้าหน่วยเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงแก้ไขบัตรเลือกตั้งในช่องผู้ไม่ประสงค์ใช้สิทธิ

และคดีที่สาม ถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาทโดยการโดยการโฆษณา กรณีไม่สืบสวนข้อเท็จจริงพรรคไทยรักไทยจ่ายเงินจ้างพรรคเล็กลงสมัครแข่งขัน
และใส่ความ ปชป.อยู่เบื้องหลังจ้างพรรคเล็ก

ทั้งสามคดี ซึ่งศาลเตรียมนัดไต่สวนมูลฟ้องในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ล้วนแต่เป็นคดีอาญาแผ่นดินที่มีอัตราโทษสูง จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ทั้ง 4 ที่จะต้องไปพิสูจน์ผลแห่งการกระทำของตัวเองในศาล ซึ่งเมื่อถึงบทสรุปของคำพิพากษาใครจะรู้ว่า อาจมีพวก “อย่างหนา” บางคนต้องติดคุกหัวโตตอนแก่ เพราะผลกรรมที่ทำไว้แบบทันตาเห็น เหมือนเช่นคำกล่าวของ พล.ต.อ.วาสนา ก็เป็นได้







โดย: แตนต่อย วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:17:41 น.  

 
หัวข้อ : ทักษิณ ชินวัตร - 4 กตต. 'เสือลำบาก' หรือ 'หมาจนตรอก'

ข้อความ :
วิเคราะห์การเมือง : 14 พฤษภาคม 2549 กองบรรณาธิการ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทักษิณ ชินวัตร ไทยรักไทย และ 4 กกต. กำลังคิดอะไร และจะทำอะไรต่อไป น่าจับตามองยิ่ง เพราะด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อฝ่ายตุลาการ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่


ต้นสัปดาห์ก่อน เงื่อนปมทางการเมือง คลี่คลายลงไปเปราะหนึ่ง สังคมลุ้นระทึก! ว่าศาลรัฐธรรมนูญท่านจะคิดเช่นไร กับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษนยน 2549

สุดท้าย ไม่ผิดหวัง มติศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ การเลือกตั้งครั้งอัปยศเป็นโมฆะ และให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ที่สำคัญไปกว่านั้น ที่ประชุมประมุขศาลฎีกา ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ เห็นพ้องต้องกันว่า กรรมการการเลือกตั้งทั้ง 4 คน คือ วาสนา เพิ่มลาภ ปริญญา นาคฉัตรีย์จารุภัทร เรืองสุวรรณ และ ธีระชัย แนวบุญเนียร ควรแสดงความรับผิดชอบกับการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ด้วยการ เสียสละ ลาออกจากตำแหน่ง

แต่กาลไม่เป็นไปเช่นนั้น วาสนา เพิ่มลาภ แสดงท่าทีแข็งกร้าว จนน่าประหลาดใจว่าทำไมนายตำรวจ ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงดื้อดึง ปฏิเสธที่จะน้อมรับข้อเสนอแนะของที่ประชุมประมุข 3 ศาล ชนิดไม่เห็นหัวใคร

ย้อนกลับไปก่อนวันที่ 25 เมษายน 2549 สังคมไทยเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง และไร้ทางออก ณ เวลานั้น มีผู้กล้าบางคนที่ยอมเถือเนื้อตัวเองเสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7

สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คงไม่เคยคิดมาก่อนเช่นกันว่า วันหนึ่งตัวเองจะต้องมานำเสนอ "ทางออกสุดท้าย" ก่อนที่สังคมจะนองเลือด ด้วยการให้มีนายกพระราชทาน โดยให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้เสียสละ กราบบังคมทูลขอลาออก ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ก่อนเดินเข้าสู่กระบวนการในมาตรา 7

ณ เวลานั้นคือหนึ่งในทางออกเพื่อไม่ให้มีการนองเลือด

แต่แล้ววันที่ 25 เมษายน ฟ้าเปิด สังคมไทยได้พบแสงสว่าง ในหลวง มีพระราชดำรัสสำคัญ พระองค์ท่านมีรับสั่งถึงมาตรา 7 ซึ่งถือเป็นบรรทัดฐานทางวิชาการในกาลต่อๆ ไป

ยิ่งไปกว่านั้น พระราชดำรัสที่ อำนาจตุลาการ น้อมรับมาปฏิบัติต่อ คือแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทย โดยเฉพาะรับสั่งที่ระบุถึงการเลือกตั้ง

"การยุบสภาและต้องเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน ถูกต้องหรือไม่ ไม่พูดถึง ถ้าไม่ถูกก็จะต้องแก้ไข ก็อาจจะให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งท่าน (ศาลปกครอง) ก็จะมีสิทธิที่จะบอกว่า อะไรที่ควร ที่ไม่ควร ไม่ได้ว่า บอกว่ารัฐบาลไม่ดี แต่ว่าเท่าที่เราดู มันเป็นไปไม่ได้ คือการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย เลือกตั้งพรรคเดียวเบอร์เดียว ไม่ใช่ทั่วไป มีคนที่สมัครเลือกตั้งคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย ไม่เป็นประชาธิปไตย ท่านต้องดูเกี่ยวกับว่าเรื่องของการปกครอง ตรงนี้ขอฝาก"

จากนั้น 3 ศาลน้อมรับไปปฏิบัติ หลังจากศาลปกครองวินิจฉัยในข้อกฎหมายแล้ว ได้สั่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ระงับการจัดการเลือกตั้งวันที่ 23 เมษายน ตามด้วยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน เป็นโมฆะ

นั่นคือ กระบวนการที่กำลังนำพาให้วิกฤติที่เกิดขึ้นในสังคมไทยยุติลง หาใช่นำพาประเทศไปสู่ทางตันไม่

แต่ไม่ง่าย เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่คิดว่าความผิดพลาดที่ทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน เป็นความผิดของตนเอง ทั้งยังโยนความผิดไปให้ 3 พรรคฝ่ายค้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤติ

การพูดเปิดอกของ วาสนา เพิ่มลาภ เห็นได้ชัดว่า คนคนนี้กำลังคิดอะไร และจะทำอะไรต่อไป

"เสียดายเกียรติที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก คนทุกคนในประเทศ มีชาติกำเนิด คุณวุฒิ วัยวุฒิก็แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่มาจากชาติตระกูลที่ต่ำ หรือเรียกว่า มาจากชาวไร่ชาวสวนอย่างผมจะมีพฤติกรรม ความคิดความอ่าน ชั่วช้าเลวทรามเหมือนคนที่เกิดในชาติตระกูลสูง ผมมีเกียรติมีศักดิ์ศรี แต่ไม่ยโสโอหัง"

"คนเดียวลงเลือกตั้งได้ถ้าไม่ถึง 20% ต้องเลือกตั้งใหม่ เขียนไว้ทำไม ผมเขียนหรือใครเขียน ผมเขียนเหรอ และบอกว่าลงคนเดียวไม่ประชาธิปไตย นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด"

ถือว่าไม่ธรรมดาเลย สำหรับคนที่ประกาศตัวว่า "ผมไม่ใช่หมาข้างถนน"

ซึ่งสอดคล้องต้องกันกับวลีที่มีท่าทีที่แข็งกร้าว "จงอยู่อย่างเสือ อย่าอยู่อย่างหมา" ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในวันเดียวกัน คือวันที่ 4 พฤษภาคม หลัง 3 ศาลเสนอแนะให้ กกต.ทั้ง 4 คน เสียสละ

ความคิดของ ทักษิณ ชินวัตร ยังไปไกลกว่านั้น

"เวลานี้ยังไม่รู้ว่าตกลงจะเลือกตั้งอย่างไร เมื่อไหร่ ยังงงๆ อยู่ เพราะกติกาของเรามันเปลี่ยนไปหมด"

และพรรคไทยรักไทยยังสื่อความคิดของ ทักษิณ ชินวัตร ผ่านแคมเปญหาเสียงของพรรคซึ่งใช้เป็นฉากหลังเวทีแถลงข่าวในที่ทำการพรรค

"ขอยิ้มรับอุปสรรคทางการเมืองทุกรูปแบบ เพื่อยืนหยัดแก้ปัญหาของชาติและประชาชนต่อไป"

การสูญเสียอำนาจ และการถอยร่นจนติดกำแพง คือสาเหตุที่ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่

ประเด็นนี้คนในไทยรักไทยต่างรู้ดี แต่จะมีสักกี่คนที่จะกล้าพูดความจริงว่า 5 ปีรัฐบาลไทยรักไทย ได้สูบทรัพยากรของชาติไปเพื่อใคร ให้ใคร และเท่าไหร่ จนไม่รู้จักคำว่า "ถอย"

มารู้อีกทีก็ต่อเมื่อหลังติดกำแพง!!!

"หมา" กับ "เสือ" มีความต่างที่แยกแยะได้ง่าย ไม่ต้องจบดอกเตอร์ ก็รู้ได้ว่า เสือ มีสง่าราศี อยู่ชั้นสูงกว่าในห่วงโซ่อาหาร

และแยกแยะไม่ยากเช่นกันว่า "เสือ" และ "หมา" จะมีพฤติกรรมอย่างไรหากอยู่ในสภาวะที่ จนตรอก

แน่นอนเสือจนตรอก ย่อมน่ากลัวกว่าหมาจนตรอก

และที่เหมือนกันคือ อาการ "แยกเขี้ยว" รอตอบโต้

ในภาวะปัจจุบัน ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งประกาศตัวอยู่อย่างเสือ

เป็นเสือจนตรอกใช่หรือไม่

ทักษิณ ชินวัตร ถูกบีบให้เว้นวรรค เพราะเขาถูกกล่าวหาว่า คือปัญหาของชาติ

ที่หนักไปกว่านั้นมีประชาชนจำนวนไม่น้อย ต้องการให้ วางมือทางการเมือง เหตุเพราะการเว้นวรรคที่นำไปสู่การชักใยอยู่เบื้องหลัง แทนที่ปัญหาจะจบ กลับกลายเป็นว่า ทักษิณ ชินวัตร เดินเข้าสู่หลังม่านที่ไม่มีการตรวจสอบ

นั่นจะกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่า

เมื่อมามองคำพูดที่ว่า "กติกาของเรามันเปลี่ยนไปหมด" จะเห็นถึงความคิดทั้งหมดของ ทักษิณ ชินวัตร

ที่ประชุม 3 ศาล ถือเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่ต้องจารึกว่า เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2549 อำนาจตุลาการเป็นฝ่ายเข้ามาคลี่คลายวิกฤติของชาติ

วิกฤติที่มีบางคน แทรกแซง ทำลาย รัฐธรรมนูญ มาถือเป็นกติกู

จนนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฎิรูปการเมืองรอง 2 โดยที่พรรคไทยรักไทยก็เห็นด้วย และพร้อมชูเป็นนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

แต่ถามว่า เหตุ ที่ทำให้ไทยรักไทยชูเรื่องนี้ขึ้นมานั้น สืบเนื่องมาจากฐานความคิดอะไร

เห็นอย่างถ่องแท้หรือยัง เพราะอะไรต้องปฏิรูปการเมือง?

เชื่อว่าคนในไทยรักไทย ไม่มีใครให้คำตอบได้ชัด นอกจากข้ออ้าง

"เมื่อบอกว่าอยากแก้ ก็แก้ให้แล้วนี่จะเอาอะไรอีก"

การยิ้มรับอุปสรรคทางการเมืองทุกรูปแบบ จึงเป็นการส่งสัญญาณที่น่ากลัว เพราะนี่คือสัญญาณของความจนตรอก

ปฏิบัติการยึดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคืน จึงน่าจับตายิ่ง

ไทยรักไทย จับขั้วกับ กกต. สำแดงอำนาจ ดึงดันร่วมประชุมกำหนดวันเลือกตั้ง ในวันที่ 15 พฤษภาคม ท่ามกลางความวิตกจากฝ่ายตุลาการ เป็นการฟันฝ่าอุปสรรคทางการเมืองเปลาะแรกใช่หรือไม่

ไม่ต่างไปจากเมื่อครั้ง ทักษิณ ชินวัตร ปฏิเสธลงสัตยาบันปฏิรูปการเมืองร่วมกับ 3 พรรคฝ่ายค้าน แล้วหันไปนั่งหัวโต๊ะเรียกพรรคเล็กประชุมแต่อย่างใด

นั่นเพราะ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องการเดินตามกติกาใคร

และหาก กกต.ชุดนี้ มีอายุยืนยาวจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า คงซ้ำรอย 2 เมษายนอีกครั้ง

แล้ว ทักษิณ ชินวัตร กับ กกต.จะดึงดันไปทำไม

คำถามนี้อธิบายได้ด้วย ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา

เวลานี้ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ กกต.ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน

หาก กกต.ชุดนี้มีอันเป็นไปก่อนกำหนด เชื่อได้แน่ว่า ทักษิณ ชินวัตร ต้องลำบากยิ่งกว่า จนตรอก

เพราะ กกต.คือพันธมิตรสุดท้ายที่เหลืออยู่ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญพันธมิตรดั้งเดิมนั้น กลับใจเสียแล้วโดย "เสียงส่วนใหญ่" เพราะดวงตาเห็นธรรม

ผลสอบของอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่ามีกระบวนการว่าจ้างพรรคการเมืองให้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 ที่มี นาม ยิ้มแย้มเป็นประธาน เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ กกต.ชุดนี้ต้องอยู่ต่อ เพื่อสะสางให้จบ

แต่จะจบแบบไหน ในเมื่อ วาสนา เพิ่มลาภ หันมาช่วยไทยรักไทยเล่นงานประชาธิปัตย์ด้วยหลักฐานและข้อมูลชิ้นเดียวกัน

หาก กกต.เดินตามแนวทางที่อนุกรรมการฯ สอบสวน เชื่อว่า พรรคไทยรักไทยก็จบ ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค

และหากพลิกผลสืบสวนสอบสวน กกต.ก็จบ

วิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกา เห็นอะไรก่อนที่จะออกมาให้ความเห็นว่า "กกต.ชุดนี้กลัวอะไรกับการมี กกต.ชุดใหม่"

ความเห็นดังกล่าวมีคำตอบในตัวมันเอง หาต้องขยายความเพิ่ม.

(ทีมข่าวการเมือง ไทยโพสต์)
//www.thaipost.net/index.asp?bk=sunday&;post_date=14/May/2549&news_id=124380&cat_id=110200

จาก : คนเก็บข่าว - 14/05/2006 01:32
//board.dserver.org/u/uthaisak/00005779.html


โดย: แตนต่อย วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:42:52 น.  

 

นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย

สองเกลอหัวแข็ง อัดปชป.โคตรมั่ว ท้า“สุเทพ”แฉข้อมูลก่อน29พ.ค.

สองเกลอทรท.หัวแข็ง ออกโรงโต้รายวัน ฉุนปชป. ด่าลูกพี่ “แม้วม.มั่ว” โคตรมั่วกว่า ท้า “เทพเทือก” แฉหลักฐานก่อน 29 พ.ค. เย้ย สงสัยยังเขียนบทไม่เสร็จ เหน็บเป็นเลขาฯเลี้ยงแกะ ลาม “ชวน” เจ้าของบทบาทดาวพระศุกร์ เผยชื่อ 2 พยานบุคคล เอี่ยว ประชาธิปัตย์สร้างหลักฐานเท็จซัดทอดไทยรักไทย ร้อง หยุด ข่มขู่ กกต.

วันนี้(15 พ.ค.) ที่พรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งฉายาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่า “แม้ว ม.มั่ว”ว่า พรรคประชาธิปัตย์คงลืมไปว่าต้นเหตุคำว่ามั่วคือพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปเสนอมาตรา 7 ขอนายกฯพระราชทาน ถือว่าเป็นโคตรมั่วตัวจริง พรรคประชาธิปัตย์โคตรมั่ว มาร์คม.7มั่ว คือ มั่วเสนอขอนายกฯพระราชทาน มั่วบอยคอตเลือกตั้ง มั่วจ้างพรรคเล็กใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย มั่วก็อปปี้ นโยบายทรท. มั่วไม่ให้ความร่วมมือกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ มั่วเล่นการเมืองนอกสภาและซุกม็อบ และ มั่วซุกสมบัติชาติเช่น กรณีปรส.

สำหรับกรณีที่นายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพรรคไทยรักไทยทำซีดีที่มีนายไทกร พลสุวรรณ ปรากฏอยู่เมื่อวันที่ 2-3 พ.ค.ขึ้นมานั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้านายสุเทพไม่มั่วก็เข้าใจผิด เพราะเทปดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 22 เม.ย. โดยนายไทกรเสนอเงื่อนไขต่อหัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า แล้วเดินทางไปยังพรรคประชาธิปัตย์ทันที ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์เตรียมพร้อมเรื่องนี้ไว้ตลอด ขอท้านายสุเทพว่าถ้าแน่จริงไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 29 พ.ค.จึงจะแฉหลักฐาน เปิดมาตอนนี้เลยดีกว่า หรือว่ายังเขียนบทไม่เสร็จ ขอร้องอย่าไปทำแบบกรณีของนางฐัติมา ภาวะลี ที่แสดงเอง เขียนบทเอง อย่าทำตัวเป็นเลขาฯพรรคเลี้ยงแกะ ส่วนการที่บอกว่ากำลังถูกคุกคาม และได้สั่งเสียลูกหลานว่าถ้าเป็นตัวเองเป็นอะไรจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เรื่องเดียวนั้น อยากถามว่าใครกล้าทำอะไรนายสุเทพ มีแต่นายสุเทพจะไปข่มขู่คนอื่นมากกว่า นายสุเทพไม่เหมาะจะมาเล่นบทดาวพระศุกร์เรียกน้ำตาจากประชาชน เพราะบทนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ผูกขาดอยู่แล้ว ถ้านายสุเทพไปเล่นหนังก็คงเจ๊งตั้งแต่ยังไม่ได้ทันสร้าง

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า เรามีหลักฐานเพิ่มเติมกรณีพรรคเล็กคือคนอีก 2 คน ประกอบด้วยนายสุขสันต์ ชัยเทศ อดีตผ.อ.เลือกตั้งจังหวัดนครพนมพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวการ โตสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายสุราพื้นบ้าน ซึ่งเคยทำงานหาเสียงให้พรรคมหาชน ทั้ง 2 คนนี้ร่วมมือกับนายไทกรให้การเท็จบอกว่าได้รับการจ้างวานจากพรรคไทยรักไทย ซึ่งนายไทกรเองก็ยอมรับว่าส่งคนตัวเองเข้าไปที่พรรคพัฒนาชาติไทย กระบวนนี้คือนายสุเทพส่ง 2 คนนี้เข้าไปร่วมพรรคพัฒนาชาติไทย โดยนายสุขสันต์เป็นคนแก้เอกสารเปลี่ยนแปลงรายชื่อทั้งหมดของพรรคพัฒนาชาติไทย ซึ่งได้รับการแนะนำมาจากนายไทกร และที่สำคัญในคืนที่ 15 มี.ค.เวลา 02.00 นายไทกรเป็นผู้ประสานงานพานายสุเทพไปพบหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ซึ่งต่อมาหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย ไปบอกกับกกต.ว่าถูกเกลี้ยกล่อมให้รับเงิน 15 ล้านบาท เพื่อใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย อยากถามว่าคนเป็นถึงเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์มีเหตุผลใดต้องเดินทางไปในยามวิกาล นอกจากนี้ตนยังมีหลักฐานอยู่อีก โดยจะแฉต่อแต่รอให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธมาก่อน ยืนยันว่าหลายเรื่องที่นายชวการไปทำมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน

“นายสุเทพและนายไทกรร่วมมือกันสร้างพยานหลักฐานเท็จแล้วไปเสนอผลประโยชน์ให้หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยตอนตี 2 วันที่ 15 มีนาคม นี่คือขบวนการจัดฉากสร้างเรื่องทำลายพรรคไทยรักไทย ในส่วนของการดำเนินคดีกับนายไทกรนั้น กำลังหารืออยู่ว่าจะทำในนามพรรคหรือในนามพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หรือนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล”นายจตุพรกล่าว

ด้านนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายและการเมืองพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์ให้เอาความจริงมาพูดกับสังคม ไม่ใช่สร้างพยานหลักฐานเท็จมาใส่ร้ายกัน ซึ่งเมื่อถูกจับได้ ก็สลัดคนที่ร่วมดำเนินการให้ตายเดี่ยว ถ้าวันนี้มีหลักฐานอะไรก็นำออกมาเปิดเผยตอนนี้ ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 29 พ.ค. เพราะเราอยากทราบเหมือนกันว่าหลักฐานที่ว่าเป็นทีเด็ดนั้น จริงเท็จมากน้อยเพียงใด พฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ไม่ต่างจากกรณีวุ้นประหลาด ที่ตอนแรกก็เปิดตัวฮือฮา แต่พอพิสูจน์ไปพิสูจน์มาเป็นแค่เจลลดไข้ พรรคประชาธิปัตย์อย่าพยายามสร้างปรากฏการณ์วุ้นประหลาดเลย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาข่มขู่คุกคามพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. นั้น เราไม่สบายใจการข่มขู่ คุกคาม ทำนองที่ว่าถ้าพล.ต.อ.วาสนาเดินทางไปจ.นครศรีธรรมราช อาจเจอการต้อนรับแบบคาดไม่ถึง นายเทพไทพยายามพูดเชื่อมโยงให้เข้าใจว่ามีการเตรียมมวลชน เตรียมชุมนุม เตรียมไข่เน่ารอการไปถึงของประธานกกต. ดังนั้นขอให้หยุดปลุกปั่นยุยง สร้างภาพลักษณ์เสื่อมเสียให้กับชาวนครศรีธรรมราชได้แล้ว อยากให้นายสัมพันธ์ ทองสมัคร แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยรดน้ำมนต์ให้นายเทพไทบ้าง

สำหรับการเตรียมการเลือกตั้งในส่วนของภาคใต้นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ประชุมภาคใต้ได้หารือกันเบื้องต้น โดยจะวางตัวผู้สมัครคนเดิม แต่หากใครไม่พร้อมก็สามารถที่จะพักและไปช่วยอยู่เบื้องหลังก่อนได้ ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการแจ้งความจำนงมาบ้างแล้ว สำหรับนโยบายภาคใต้นั้นกำลังดูรายละเอียดว่าจะใช้แบบเดิม หรือเพิ่มเติมส่วนใดหรือไม่ สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่ากลุ่มมุสลิมไทยจะตั้งพรรคการเมืองเพื่อลงแข่งขันในภาคใต้นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อวันนี้กกต.มีแนวโน้มที่จะประกาศวันเลือกตั้งในเดือนต.ค. ก็เชื่อว่าทางกลุ่มมุสลิมก็คงกำลังประเมินสถานการณ์ ดูแล้วก็น่าจะมีความเป็นไปได้ พรรคไทยรักไทยพร้อมแข่งขันกับทุกพรรคอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม



โดย: แตนต่อย วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:54:18 น.  

 
//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000063433


โดย: แตนต่อย วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:55:24 น.  

 

ลือ"จารุภัทร"ทนกดดันไม่ไหว-ลาออกแล้ว!!

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2549 15:09 น.


วันนี้(15 พ.ค.) มีรายงานแพร่สะพัดว่า พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ หนึ่งในคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทนแรงกดดันจากสังคมไม่ไหวได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกแล้ว โดยกำลังจะเดินทางไปยื่นใบลาออกกับรักษาการประธานวุฒิสภาในตอนบ่าย

ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวได้แพร่สะพัดมาตลอดช่วงเช้า แม้ว่า พล.อ.จารุภัทร จะเข้าร่วมประชุมกับกกต.กับพรรคการเมือง แต่ได้เข้าร่วมประชุมไม่นานก็ขอตัวออกมาก่อน

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.จารุภัทร ได้นัดกับนายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นใบลาออกในเวลา 16.00 น.

//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000063450


โดย: แตนต่อย วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:03:53 น.  

 

นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกา


ศาลกรีดฝ่ายการเมืองไม่ได้ล้ำเส้น! แต่ทำเพื่อประชาชน 65 ล้านคน

“ประมุข 3 ศาล” ประชุมหาทางออกให้บ้านเมืองอีกครั้งพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) หลัง กกต.ดื้อแพ่งกำหนดเลือกตั้ง 22 ต.ค.ขณะที่เลขาธิการประธานศาลฎีกา สอน ส.ส.ทรท. บอกไม่เกิดแน่วิกฤตตุลาการ แต่ศาลกำลังช่วยเข็นรถที่กำลังติดหล่ม ด้าน “เลขาฯวิรัช” กรีดฝ่ายการเมือง บอก ไม่ได้ล้ำเส้น แต่ทำเพื่อประชาชน 65 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 19 ล้านเสียง ขณะที่ ปธ.ศาลอุทธรณ์ภาค 1-9 ประสานเสียง ไม่ตกเป็นเครื่องมือ กกต.จัดเลือกตั้งรอบใหม่ ยันเห็นชอบ 3 ศาลหารืออีกรอบ


วันนี้ (15 พ.ค.) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) เวลา 13.00 น.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา นัดประชุมหารือร่วมกับ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด และ นายผัน จันทรปาน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง หลังจากที่ กกต.ประชุมร่วมกับรัฐบาล และพรรคการเมืองต่างๆ กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 22 ตุลาคม และกระแสข่าวที่ทราบว่า มี กกต.หนึ่งคนในจำนวนสี่คนได้ยื่นใบลาออก ซึ่งประธานทั้งสามศาล จำเป็นต้องประชุมร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ส่วนกรณีที่ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ขอให้ผู้พิพากษาอย่าออกมาเคลื่อนไหว เพราะจะทำให้เกิดวิกฤตตุลาการ นั้น เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าวว่า เป็นเรื่องของความเห็นที่แตกต่างกัน ศาลคงจะไม่มีการตอบโต้ แต่ที่ทั้งสามศาลปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ ก็เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง หรือกำลังเข็นรถที่กำลังติดหล่มให้สามารถวิ่งไปได้อีกครั้ง พร้อมกับคิดหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้รถนั้นวิ่งถอยหลังกลับมาติดหล่มเท่านั้น ศาลไม่ได้คิดจะทำอะไรก้าวก่ายมากมายไปกว่านี้เลย

ด้าน นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกา กล่าวว่า สถาบันศาลถือเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการ มีหน้าที่รักษารัฐธรรมนูญ ซึ่งนอกจากการประสิทธิประสาทความยุติธรรมในสังคมแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของศาลที่จะรักษาบ้านเมืองด้วย เป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่การลำเส้นฝ่ายการเมือง และก่อนที่ผู้พิพากษา หรือตุลาการเข้ารับหน้าที่ ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ ม.252 ด้วยถ้อยคำต่อไปนี้

“ข้าพุทธเจ้า ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน และความสงบสุข แห่งราชอาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ”

นายวิรัช กล่าวย้ำอีกว่า “เวลานี้ศาลไม่ได้ทำเพื่อประชาชน 19 ล้านเสียง ศาลไม่ได้ทำเพื่อประชาชน 16 ล้านเสียง แต่ศาลทำเพื่อประชาชน 65 ล้านคน เข้าใจไหม ศาลทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นไร แม้เป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ศาลเข้าใจความรู้สึกของฝ่ายการเมือง”

นายวิรัช กล่าวถึงการประชุม 3 ประธานศาลในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) ว่า ยังไม่มีการกำหนดข้อหารือ แต่คาดว่าในที่ประชุมจะนำเรื่องที่ กกต.กำหนดวันที่ 22 ตุลาคม ให้เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปครั้งใหม่ และข่าวที่มี กกต.ลาออก เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกันของ 3 ศาลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของศาลฎีกานั้น เวลา 09.00 น.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา ได้เชิญประธานศาลอุทธรณ์ และประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 1–9 เข้าประชุม เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์แก้ปัญหาการเลือกตั้งของศาลฎีกาที่ร่วมกับศาลปกครองสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญ

โดย นายวิรัช กล่าวว่า เป็นการแจ้งให้ประธานศาลอุทธรณ์และประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1–9 ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ที่การหารือร่วมของ 3 ศาล ที่มีมติร่วมกันขอให้ กกต.เสียสละเพื่อบ้านเมือง ซึ่งประธานศาลอุทธรณ์และประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1-9 ได้แสดงความคิดเห็นว่ามีความเห็นชอบต่อมติสามศาลดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งที่ประชุมอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ทั้งท่าที กกต.ด้วย แต่ยังไม่ได้พูดถึงว่าหาก กกต.ไม่เสียสละแล้วจะทำอย่างไร คงต้องเป็นหน้าที่ของประธานสามศาลจะหารือกันต่อไป

ขณะที่ นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งและคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.)ประจำศาลชั้นต้น กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดจัดการเลือกตั้งและอาจอาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 145(2) ขอให้ศาลช่วยเหลือว่า แนวทางที่ ก.ต.จะพิจารณาว่าจะส่งผู้พิพากษาหรือเจ้าหน้าที่ศาลไปร่วมกับ กกต.จัดการเลือกตั้งตามมาตรา 145(2) หรือไม่จะมีหลักอยู่ว่า กกต.จะมาขอใครบ้างและไปทำหน้าที่อะไร หากขอบุคคลไปทำหน้าที่รับรองผลการเลือกตั้งโดยศาลไม่มีอำนาจโดยตรง ก.ต.อาจจะมีมติไม่อนุญาต

"ดังนั้น ถ้ามีการขอผู้พิพากษามาแนวทางที่สำคัญที่ ก.ต.ต้องพิจารณา คือ หนึ่งการเข้าไปทำหน้าที่ของศาลต้องไม่ไปเพื่อรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งตัวเองไม่มีอำนาจโดยตรง สองต้องไม่ไปทำหน้าที่ให้คุณให้โทษ เนื่องจากศาลจะต้องเป็นผู้ตัดสินสุดท้ายถ้ามีปัญหาคดีเลือกตั้งเกิดขึ้น” ก.ต.ศาลชั้นต้นกล่าว

แหล่งข่าวจากศาลฎีกา เปิดเผยว่า กรณีที่ กกต.อาจใช้มาตรา 145(2) ขอให้ศาลช่วยออกใบเหลือง-ใบแดง ทางศาลยุติธรรมคงจะไม่ส่งผู้พิพากษาไป เพราะถ้าให้ศาลเข้าไปอาจมีปัญหากฎหมายที่กำหนดให้คณะกรรมการกฤษฎีกาทำอยู่ และจะมีปัญหาอีกว่าให้ศาลออกใบเหลือง-ใบแดงแทน กกต.แล้วต้องเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาจะกลายเป็นให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบศาลซึ่งไม่เป็นการสมควร และที่จะเป็นปัญหามากที่สุด คือ คดีเลือกตั้งจะต้องมาสู่ศาลเมื่อศาลลงไปชี้ขาดแต่แรกจะส่งผลกระทบเมื่อคดีมาถึงศาล

“สิ่งที่ผู้พิพากษาเป็นห่วงมากที่สุด คือ การไปเป็นเครื่องมือรับรองการใช้อำนาจจัดการเลือกตั้งซึ่ง กกต.มีอำนาจเต็มแต่ฝ่ายเดียว เมื่อถึงเวลาทำงานร่วมกันจริงๆ ศาลจะไม่มีสิทธิอะไร เพราะไม่มีอำนาจอะไรเลยถ้าเห็นความไม่ชอบก็จะมีปัญหาการทำงานร่วมกับกกต.เกิดขึ้นอีก” แหล่งข่าวศาลฎีกา กล่าว

//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9490000063644


โดย: แตนต่อย วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:3:44:47 น.  

 

50 ข้อหาการปล้นชาติกินเมืองของทรราชเหลี่ยม
(1.) สี่ปีแรกเอาเงินคลังมาแจกแถมสร้างภาพ สี่ปีหลังยึดสมบัติต้นทุนของชาติเข้าตลาดหุ้นแปรรูปมาเป็นสมบัติของพรรคพวกตนที่ถือหุ้น

(2.) ประชานิยม แจกแถมจนเงินหมดคงคลังแล้ว มีแต่ตัวเลขลวงชาวบ้านไปวันๆเบี้ยวแม้เงินเสี่ยงภัยของครู 3 จ.ใต้อย่างน่าอดสู

(3.)ห้ามประชาชนและสภาคิดอ่านคิดร่วมงานบริหารประเทศ “คิดเองแทนให้ทุกเรื่อง” เพราะเห็นตนเองฉลาดอยู่คนเดียวนอกนี้โง่หมด

(4.) คนในตระกูลเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริงหาใช่พรรคมหาชนแม้แต่น้อย ส.ส.-ส.ว. ในคอก คือลูกจ้างทำตามนายสั่งอย่างเดียว ถูกครอบงำสิ้น กินทั้งเงินเดือนสภาและเงินเดือนหัวหน้าพรรค ไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงความคิดเห็น สอพลอได้อย่างเดียว เป็นสภาอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์สภาไทย จึงมีกระแสให้ปฏิรูปรัฐธรรมนูญใหม่รอบสอง
(5.) ผู้นำที่เป็นนักลงทุนข้ามชาติ ย่อมไม่มีความเป็นชาตินิยมได้ เพราะต้องร่วมสมผลประโยชน์ทำธุรกิจกับต่างชาติ เอาผลประโยชน์แผ่นดินมาแลกกับผลประโยชน์ธุรกิจตน
(6.) คนผีๆ ทรยศได้กับทุกคนที่เคยเป็นกัลยาณมิตร ปัจจุบันเลี้ยงสมุนด้วยเงินแต่ไม่มีใครจริงใจด้วยสักคน

(7.) สร้างภาพไม่ให้ขายบุหรี่เปิดเผย แต่อนุมัติเงิน 18,000 ล้านบาทสร้างโรงงานยาสูบสุดแพงที่เชียงใหม่ นายหน้าที่ดินเครื่องจักรเป็นใคร ?
(8.) วงศาคณาญาติพวกพ้องยิ่งมั่งคั่ง แต่เงินคลังประเทศถังแตก ต้องกู้เป็นแสนๆล้านจะตามมาอีกหลายงวด
(9.) รอบงำและทำลายองค์กรอิสระจนเป็นง่อยเปลี้ย ขาดความสมดุลการตรวจสอบ

(10.) ครอบงำทีวี ทั้ง 6 ช่อง บงการเป็นกระบอกเสียงของตน เสนอข่าวด้านเดียว ใครพูดเรื่องคอร์รัปชั่นโดนปลดรายการ จ้างชมพู่และหน้าจืดคนที่รับใช้เผด็จการทรราชมาทุกยุคทุกสมัย มาดูถูกชาวบ้านทางช่อง 5 และช่อง 9 เหมือนสถานีทีวีเป็นสมบัติส่วนตัวของพวกโกงกันทั้งโคตรหรือไง มันคิดว่าทรัพย์สาธารณะ สภา ทำเนียบของประชาชนเป็นสมบัติของบริษัทมันทั้งสิ้น
(11.) แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทรัพย์สินมีมูลค่าซ่อนเร้นนับล้านๆบาท จะทำกำไรมหาศาลแก่ผู้ถือหุ้น ได้ของแถมสายนำสัญญาณใยแก้ว 24 เส้นแบนด์วิซสูงบนสายไฟแรงสูงมูลค่าแสนล้านฟรีๆ เป็นการเอาสมบัติต้นทุนของแผ่นดินมาแปรรูปเป็นสมบัตินายทุนหุ้น กำไรที่เคยเข้าคลังกลายเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่แทนทันทีและแก้กฎหมายให้ต่างชาติมาถือหุ้นได้มากขึ้น
(12.) พยายามปลดคุณหญิงตงฉิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้วส่งรายชื่อคนของตนเองขึ้นไปทั้ง สตง.และ ปปช. แต่ถูกตีกลับแล้วยังไม่รู้ตัวว่ากระทำมิควร ไม่ยอมลาออกแสดงสปิริตแม้แต่คนเดียว

(13.) กว้านซื้อโรงพยาบาลเอกชนอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี
(14.) กว้านซื้อธนาคารและสถาบันการเงินอย่างหนักหลังจากได้อำนาจครบ 4 ปี
(15.) ข้าวแกง ก๋วยเตียวขึ้นราคาชามละ 5บาท แต่ค่าแรงกรรมกรขยับแค่ 1-6 บาทในเพียง 16 จ. นอกนั้นไม่ขึ้นให้เลย ไหนค่าเล่าเรียนของลูกๆอีกที่เบิกไม่ได้เลย เขาอยู่กันอย่างไรในยามข้าวยากหมากแพงเช่นนี้

(16.) รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน รัฐบาลไม่มีความสามารถพัฒนาให้มีกำไรได้ แต่กลับเก่งขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรให้ต่างชาติ
(17.) กลิ่นเหม็นสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าก่อสร้างหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท
18. กำไรจำหน่ายสลากกินแบ่งเคยเข้าคลังเข้ารัฐ ปัจจุบันไม่เข้าคลัง รัฐบาลเอาไปแจกจ่ายใครกันอย่างไรเปิดเผยเสียที

(19.) เปิดเสรีเต็มประตูทะเลเพราะตนเองก็เป็นนักลงทุนข้ามชาติ เกรงใจบุชแห่งอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง ร้านค้าย่อยคนไทยทยอยปิดกิจการ ห้างต่างชาติพากันขนเงินกำไรไหลออกเข้าบริษัทแม่ที่ต่างชาติ เลือดไทยไหลออกทุกวัน
(20.) กลิ่นเหม็นคอมมิชชั่น เครื่องคอมฯ
(21.) พยายามผลักดันให้ กชท. ทำหน้าที่แทน กสช. เอื้อผลประโยชน์เครือข่ายการสื่อสารให้ตนเองและพรรคพวก

(22.) อุ้มฆ่าชาวบ้านอย่างหนัก สร้างเงื่อนไขสงคราม บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน
(23.) ชุมชนง่อยเป็นเปลี้ย รอแต่เงินรัฐบาลโยนมารอบแล้วรอบเล่า ไม่พัฒนาตนเองได้เพราะ ร้าน SML ที่รัฐบาลให้เงินมาได้ปิดกิจการหมดแล้ว แข่งขันกับห้างต่างชาติไม่ได้ นโยบายผลาญงบแผ่นดิน ไม่เคยมีนโยบายให้พึ่งตนเองได้อย่างถาวรสักโครงการ
(24. )ใช้เวลาเพียง 6 ปี เท่านั้น รัฐวิสาหกิจ การสื่อสาร คมนาคม ดาวเทียม สถาบันการเงิน โรงพยาบาล สินเชื่อ สื่อ อยู่ในกำมือตนสิ้น ขายธุรกิจตนเองไม่จริง แฝงซื้ออยู่ในกองทุนต่างชาติ เพื่อหลบหนีภาษีและหลบลี้ภัยตามยึดไม่ได้ภายหลังหมดอำนาจ

(25.) รถยนต์แห่งชาติ กาแฟแห่งชาติ เทคโนโลยีแห่งชาติ อาวุธแห่งชาติ สินค้าแบรนด์เนมไทยไม่มีโอกาสได้เกิด เพราะพวก“นายหน้าทุนต่างชาติ” เข้ามาร่วมบริหารอยู่ในรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์แห่งตนไว้ก่อน
(26.) ประเทศไทยยังมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่มาก เช่น ภาคอีสานจากการ สำรวจพบว่ามี แร่ทองแดงและโพแทสเซียม สมบูรณ์ที่สุดในโลก ร่างพ.ร.บ.เสียเปรียบให้ต่างชาติเข้าครอบครองในการทำเหมืองดังกล่าวสิ้น
(27.) ชาวบ้านรากหญ้ามีแต่หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เปิดโครงการให้กู้เงินอีกสถาบันมาล้างหนี้อีกสถาบันยิ่งเสียดอกมากขึ้น คนจนจะไม่มีอีกต่อไป เพราะอดตายกันหมดแล้ว

(28.) โกงลำไยแห้ง โกงโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่านหลายหมื่นล้าน เอาตัวเล็กๆมาเป็นแพะ ตัวใหญ่ลอยนวลเพราะอยู่ใกล้ตัว
(29.) คาร์ปาร์คสุดอื้อฉาว ทุจริตกล้ายางก็เงียบฉี่
(30.) ต่ออายุราชการให้น้องเขยครั้งแล้วครั้งเล่าอีกแล้วครับท่าน

(31.) ให้ฝรั่งมังค่าเข้ามาประมูลประเทศถึงทำเนียบโดยสภาพัฒน์และนายคลังยังไม่รู้นโยบายประเทศของตนเองเลยว่า “มีแบบนี้ด้วยเหรอ” แต่ไม่มีโครงการที่จะเอาฝรั่งที่ชำนาญการปราบคอรัปชั่นเข้ามาด้วย เพราะตอนนี้ประชาระทมโดนโกงกันจนคลัง “ถังแตก” แล้วครับ
(32.) คอมมิชชั่นเครื่องบิน SU-30 MK กำลังจะเข้าปากหมา พวกกัลยาณมิตรกลับใจไม่น่ามาขวางเลย
(33.) ที่แท้พรรคพวกได้ผลประโยชน์ข้างเคียงก่อสร้างไนท์ซาฟารี

(34.) ให้คนแกล้งหมอพรทิพย์เพราะต้องการเอาคนของตัวเองเข้าไปแทน
(35.) เอาวัตถุทั้งรถและบ้านมายั่วแจกให้แท็กซี่ไปฟังตนปราศรัย แล้วยังมีหน้าพูดจายั่วยุคนที่คิดเห็นต่างตนว่ารับจ้าง
(36.) เหยื่อสึนามิ ไม่ได้รับการช่วยเหลือทั่วถึงแต่อย่างใด สื่อรัฐเสนอแต่ส่วนที่ช่วยแล้วได้ออกทีวี ปกปิดข้อเท็จจริง

(37.) ห้ามทีวีออกรายการช่วยน้ำท่วมภาคใต้ แบ่งแยกดินแดนชัดๆ
(38.) เซ็นสัญญา FTA โดยไทยเสียเปรียบมาก ไทยขาดการวิจัยและผลิตยา 20 กว่าชนิดเป็นเวลา 25 ปี และไม่ให้ปลูกข้าวหอมมะลิสองสายพันธุ์ ต่างชาติอ้างถือสิทธิบัตร รวมถึงการเกษตรให้เสรีนำเข้าตีภาคผลิตของคนไทย ทุนนิยมสุดโต่ง
(39.) ทำลายความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่รัฐ บ้าอำนาจใช้พระเดชปกครอง ขู่เข็ญ สร้างเงื่อนไขให้ข้าราชการให้รับใช้สอพลอตนถ้าแสดงออกได้ดีจะได้รับตำแหน่งข้ามหัวเพื่อน

(40.) ยุทธ ตู้เย็น ขี้ขลาดตาขาว ยิงตายายเกือบตายถ้าไม่ถูกตู้เย็นพรุนเสียก่อน วันนี้มันจ้างคนงานชั่วคราวป่าไม้มาก่อกวนการเสวนาตามระบอบประชาธิปไตยถึงกรุงเทพ ฯ
(41.) ผู้นำและครม.หลายคนขับรถจักรยานยนต์ในอำเภออาจสามารถที่หมอดูสั่งให้ไปนอนให้ครบ 4 คืน มิฉะนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ทำผิดกฎหมายไม่ใส่หมวกกันน๊อค ซ้อนท้าย 3 คนไม่เปิดไฟไม่มีใบอนุญาตขับขี่
(42.) ไปสิงคโปร์ 4 วันเพื่อบรรลุข้อตกลงให้ต่างชาติซื้อหุ้นได้เงินเกือบแสนล้าน แท้จริงเป็นการโยกหุ้นไปอยู่ในกองทุนต่างชาติเพื่อหลบหนีภาษีและป้องกันการถูกยึดในภายหลังหมดอำนาจ แอบตั้งบริษัทที่ไม่รักชาติ เพื่อซุกซ่อนสมบัติ เลี่ยงภาษีที่เกาะหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น

(43.) มีจิตใจอาฆาตต่อราษฎรและไร้เมตตาธรรมต่อผู้ที่คิดเห็นต่างตน แม้ 19 ล้านเสียงก็ขว้างเกือกคืนให้แล้วยังมีหน้าเอามาอ้างอีก
(44.) คุกคาม แทรกแซงสื่อทุกรูปแบบ กระทำผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เช่นให้ตัดสายเคเบิ้ลของสื่อที่คิดต่างตน
(45.) ศักดิ์ศรีประเทศไทยอยู่ตรงไหน ต่อการขายสมบัติของแผ่นดินไปให้ต่างชาติแถมกำไรเข้ากระเป๋านักการเมือง เขาซื้อเราขาย ใครเป็นมหาอำนาจ ใจเป็นขี้ข้าหมดทรัพย์ หนังคนละเรื่องกันเลย

(46.) ไม่เคยมียุคใดสมัยไหนที่คณะผู้บริหารชาติบ้านเมืองคิดพิเรนทร์ ขนาดจะขายแผ่นดินไทยเหมือนยุคสมัยแห่งรัฐบาลนี้อีกแล้ว เตรียมออกกฎหมายที่ดิน เพื่อเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถ “ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน” ของประเทศไทยได้ พอดีมีเรื่องขับไล่เสียก่อน
(47.) ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนใหญ่ไม่กี่ตระกูลที่รวมหัวกับต่างชาติปั่นทำกำไร
(48.) รถไฟไทยขาดทุน ไม่เคยมีผู้บริหารเก่ง สามารถพัฒนาให้ดีมีกำไรได้สักคน แต่เก่งขายรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรอยู่แล้วเข้าตลาดหุ้นแล้วพรรคพวกตนเองก็กว้านซื้อทำกำไรให้ตนเองมหาศาล

(49.)จ้างผู้สมัครพรรคอื่นให้ลงสมัคร ส.ส. เพื่อหาความชอบธรรมในสภา มหาโจรหน้าเหลี่ยมใช้สภาและอาศัยอาศัยรูปแบบประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือในการปล้นชาติกินเมือง

(50 บทสรุป : )ทรราชทักษิณ คือ อัครมหาโจรของแผ่นดิน
คนสงขลา


โดย: แตนต่อย วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:4:08:01 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 33

โปรดอ่านแล้วจะรู้ว่า .... ทำไมอยากอยู่ต่อ เปิดโพย"ค่าตอบแทน" เทคโนแครตยุคทักษิณ

ณัฐวิทย์ ณ นครทีมข่าว กรุงเทพธุรกิจ BizWeek สำรวจโครงสร้างของกลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ในฐานะ "เทคโนแครต" ในระบอบทักษิณที่เติบโตและปักหลักในบอร์ดรัฐวิสาหกิจอย่างเอิกเกริก พร้อมมีการสับเปลี่ยนโยกย้ายและปลูกถ่ายดีเอ็นเอจากรุ่นสู่รุ่นกันอย่างเป็นระบบ

จากการสำรวจของทีมข่าว กรุงเทพธุรกิจ BizWeek พบว่า ขณะนี้รัฐวิสาหกิจเกือบทุกแห่งมีตัวแทนของรัฐบาลเข้าไปนั่งบัญชาการทั้งในฐานะผู้บริหาร และคณะกรรมการ ที่น่าสนใจคือยังไม่ต้องพิจารณาไปถึงผลประโยชน์ทับซ้อนด้านนโยบาย เพราะลำพังแค่ผลตอบแทนในรูปของหุ้น และเงินสด ที่บรรดาเทคโนแครตหรือตัวแทนของรัฐบาลทักษิณได้รับจากรัฐวิสาหกิจเหล่านั้น ก็นับเป็นตัวเลขที่ปฏิเสธกันไม่ลง!!

ความเคลื่อนไหวของ "ดร.โอฬาร ไชยประวัติ" ค่อนข้างอยู่ในกระแสความสนใจมากที่สุด หลังเป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุในผลประโยชน์ทับซ้อนคดีกระจายหุ้น"กฟผ." แม้เหตุการณ์ปี 2540 จะทำให้โหรเศรษฐกิจอย่างดร.โอฬาร หมองไปบ้าง แต่เขาค่อนข้างได้รับการยอมรับมากทีเดียวในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ถึงขั้นติด "แคนดิเดท" ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถัดจากสมัยของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
แม้ภายหลังจะไม่ได้ขึ้นแท่นขุนคลังก็ตาม แต่เส้นทางของ"เทคโนแครต" รายนี้ก็ยังน่าสนใจ หากจะสาวลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "ดร.โอฬาร" กับ "ระบอบทักษิณ" เพราะหลังหมดวาระจาก "ธ.ไทยพาณิชย์" ในปี 2545 "ดร.โอฬาร" ก็หักตัวเองเข้าสู่ตำแหน่ง'นายกสภามหาวิทยาลัยชินวัตร' พร้อมแปลงตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงาน กับบทบาท"กรรมการ" อยู่ใน "ปตท." "ไทยออยล์" และ "ปตท.เคมิคอล" จากนั้นจึงเข้าไปเกี่ยวพันกับภารกิจสำคัญของ "การบินไทย" และ "ชิน คอร์ปอเรชั่น" ในตำแหน่งกรรมการอีกเช่นกัน ค่าตอบแทนเฉลี่ย "ขั้นต่ำ" ต่อปีที่ "ดร.โอฬาร" ได้รับกลับในรูปเงินสดจากบริษัททั้ง 5 แห่ง ก็มีมูลค่าสูงกว่าปีละ 15.7 ล้านบาท ภายหลัง "ดร.โอฬาร" ยื่นหนังสือลาออกจาก "ชิน คอร์ปอเรชั่น" หลังน้ำลดตอผุด พร้อมๆกับยอมถอยจากการเป็นกรรมการใน "การบินไทย" หลังถูกต่อต้านอย่างหนักจากสหภาพแรงงานฯ สาเหตุหลักมาจากกรณีที่การบินไทยยอมลดเส้นทางบิน และยกไปให้ไทยแอร์เอเชียของกลุ่มชิน

นอกจากนั้นศาลปกครองสูงสุดก็ยังสั่งระงับแผนกระจายหุ้นของกฟผ. หลังพบพิรุธว่า "ดร.โอฬาร" ฟากหนึ่งเป็นคณะทำงานในการผลักดัน กฟผ. เข้าตลาดหุ้น แต่อีกฟากก็ยังไปนั่งรับเงินในตำแหน่งกรรมการอยู่ที่อาณาจักรปตท.และยังเป็นกรรมการตรวจสอบของ "ชิน คอร์ปอเรชั่น" โดยเฉพาะเมื่อ "ปตท." ถือหุ้นใหญ่ "ไทยออยล์" และทางไทยออยล์ก็ยังถือหุ้นอยู่ใน "ไทยออยล์ พาวเวอร์" ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิง ที่เกี่ยวข้องกับ "กฟผ. จนทำให้ศาลปกครองเชื่อได้ว่านี่คือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

ด้าน "เชิดพงษ์ สิริวิชช์" ก็เช่นเดียวกัน ล่วงเข้าปี 2545 ยุคแรกของทักษิณ 1 เส้นทางของเขาก็รุ่งโรจน์ในทันที พร้อมเปลี่ยนหมวกจากรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มาเป็น"ปลัดกระทรวงพลังงาน" เป็นคนแรกหลังก่อตั้งใหม่
ขณะเดียวกัน ธุรกิจพลังงานก็ถือเป็น "คลังใหญ่" ของระบอบทักษิณโดยชัดเจน "เชิดพงษ์" จึงถูกส่งให้เข้าไปแทรกอำนาจอยู่ในโครงสร้างของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ก่อนแปรรูป) พร้อมรับภารกิจกุมอำนาจในอุตสาหกรรมพลังงานของ"กลุ่มปตท." แบบยกแผง
วันนี้เชิดพงษ์รุ่งโรจน์ถึงระดับ "ประธานกรรมการ" ของ "ปตท." "ปตท.สผ." "ปตท.เคมีคอล" และ "ไทยออยล์" ตลอดจน"โรงกลั่นน้ำมันระยอง" ทั้งยังแทรกเข้าไปเป็นกรรมการของ"บ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี" อีกแห่ง ทุกตำแหน่งมีเก้าอี้ "ปลัดกระทรวงพลังงาน" เป็นการันตี
ผลประโยชน์เฉลี่ย "ขั้นต่ำ" รวมทุกตำแหน่ง ที่"เชิดพงษ์" ได้กลับมาในรูปของเงินสด สามารถคำนวณมูลค่าได้ถึงปีละ 14 ล้านบาท (ไม่รวมค่าแรง ตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน) ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ "เชิดพงษ์"ยังรับค่าตอบแทนเป็นหุ้น "TOP" ที่ถูกเก็บเข้าพอร์ตส่วนตัวไปแล้วถึง 2.45 ล้านหุ้น ตีเป็นค่าเงินบาทได้กว่า 171 ล้านบาท ตอกย้ำ "ความคุ้มค่า" ให้แก่เทคโนแครตที่ตรากตรำทำงานสนองทุกนโยบายที่สั่งตรง

"ประเสริฐ บุญสัมพันธ์" แม้จะมีฐานะเป็นลูกหม้อของ ปตท. แต่กลับถูกแปลงบทบาทให้เป็น "แกนหลัก" ภายใต้ความแยบยลของระบอบทักษิณ เขาก้าวขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ตั้งแต่กลางปี 2546 แล้วผลงานเพียงระยะสั้นก็เข้าตา เมื่อ "ประเสริฐ" ทำให้ ปตท. มีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าทันทีกว่า 70% หรือเพิ่มเป็น 4.0 หมื่นล้านบาท ในปีต่อมา (2547) เขาพา ปตท. โกยกำไรท่ามกลางสถานการณ์น้ำมันแพงไปได้อีก 6.3 หมื่นล้านบาท และทวีเป็น 8.5 หมื่นล้านบาทในปี 2548 จนส่อเค้าว่ากำไรของยักษ์พลังงานแห่งนี้ จะไต่ขึ้นแตะระดับ 1 แสนล้านบาทภายในปี 2549 ขณะที่ราคาหุ้นของอาณาจักร ปตท. ตั้งแต่ PTT ,PTTEP ,TOP ,PTTCH และ ATC ซึ่ง "ประเสริฐ" เข้าไปคุมเกมอยู่ ทำระดับราคา "ติดลมบน" จนสามารถทำกำไรให้แก่"นักการเมือง" และเครือข่ายคิดใหม่ ทำใหม่ ถ้วนหน้า
งานทุกๆ ชิ้นได้สร้าง "ผลตอบแทน" อย่างน่าทึ่งให้ "ประเสริฐ" ด้วยค่าตัวเฉลี่ยขั้นต่ำ ถึงปีละ 26.4ล้านบาท จากทุกเก้าอี้ในอาณาจักร ปตท.
และแน่นอนว่าค่าแรงของเขาจะสูงขึ้นอีกในปีนี้ เมื่อ ปตท.ได้เข้าไปยึดอำนาจบริหาร "อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย" หรือ "ทีพีไอ" อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมี "ผลตอบแทน" ในรูปของ "หุ้น" ที่"ประเสริฐ" ตุนเข้าพอร์ตได้เป็นจำนวนมาก นับมูลค่าได้กว่า 200 ล้านบาท (รวม ESOP ของหุ้น PTT และ PTTEP ที่ได้มาฟรี)

ทางด้าน "พละ สุขเวช" อดีตผู้ว่าการการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ก่อนแปรรูป) ถือเป็นอีกแกนหลักในภารกิจสำคัญของสายพลังงาน ปัจจุบันได้ทำหน้าที่ประธานกรรมการ ของ "บมจ.อะโรเมติกส์" (ATC) และยังเป็นกรรมการบริษัทต่างๆในเครือปตท. พร้อมตำแหน่งที่ปรึกษาของบอร์ด "กฟผ." อีกแห่ง
ล่าสุด "พละ สุขเวช" ยังได้รับบทบาทเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ "ทีพีไอ" หลังจากรัฐบาลชุดทักษิณ แสดงความต้องการที่จะยึด"ทีพีไอ" อย่างเด็ดขาด ค่าจ้างเฉลี่ยจากทุกเก้าอี้ของ "พละ สุขเวช" ตกปีละ 25.5 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ และยังได้ค่าตอบแทนในรูปของ "หุ้น" อีกมูลค่ากว่า 43.6 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เทคโนแครตที่มั่งคั่ง(หุ้น)มากที่สุดเห็นจะเป็น "บุญชู ดิเรกสถาพร" เป็นอดีตรองผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (2540-2543) ที่มานั่งเป็น กรรมการผู้จัดการ"บ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง" (RATCH) ควบกับ ประธานกรรมการตรวจสอบของ "เอไอเอส" (ปัจจุบันเป็นรักษาการ) ในช่วงของรัฐบาลไทยรักไทย แม้ว่า "บุญชู" จะรับค่าเหนื่อยเฉลี่ย "ขั้นต่ำ"เพียงปีละ 6.6 ล้านบาท แต่เทียบไม่ได้กับ "ค่าตอบแทน"ในรูปของหุ้น RATCH จำนวน 6.38 ล้านหุ้น ที่มีมูลค่าถึง 255.2 ล้านบาท
สดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา บุญชู ดิเรกสถาพร ครบวาระในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งหลังจากนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้นานถึง 6 ปี และคนที่เข้ามาแทนคือ ณรงค์ สีตสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าการอาวุโสกลุ่มผลิตไฟฟ้า กฟผ.

ทางด้าน "มนู เลียวไพโรจน์" (อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) อีกเทคโนแครตที่เริ่มมั่งคั่งตั้งแต่ปี 2544 (รัฐบาลทักษิณ 1) หลังได้รับเสนอให้เป็นประธานกรรมการ "ปตท." ก่อนจะเปลี่ยนมารับบทบาทประธานกรรมการ"ธ.เอสเอ็มอี" ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันโดยยังคงนั่งรับเงินตำแหน่งกรรมการจากบริษัทต่างๆใน "กลุ่มปตท." และเพียงระยะเวลาไม่กี่ปี (2544-2549) "มนู" ก็สามารถ"สะสมค่าเหนื่อย" ไว้ในรูปของหุ้น PTT และ TOPไปได้แล้วถึง 110 ล้านบาท

"โชติศักด์ อาสภวิริยะ" อดีตเอ็มดี "ธ.เอสเอ็มอี"ผลงานที่เขาทิ้งไว้กับสถาบันการเงินของรัฐ โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อ ที่เริ่มถูกจับตามากขึ้น โชติศักดิ์ถือเป็นอีกหนึ่ง "เทคโนแครต" ของระบอบทักษิณที่เติบโตอย่างน่าจับตา ล่าสุดได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปดูแลขุมทรัพย์สุวรรณภูมิ ในฐานะกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ "บ.ท่าอากาศยานไทย" (AOT) ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็น "แหล่งเงิน" ระดับเกรด A ของระบอบการเมือง โดยได้รับการันตีค่าตอบแทนเฉลี่ย "ขั้นต่ำ" ปีละ 10 ล้านบาท...และหากสนองผลงานที่ AOT ได้ดี รายได้ก็อาจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

อีกคนที่น่าสนใจคือ "จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช" ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้าไปนั่งเป็นกรรมการอยู่ใน PTT และ TOP ที่ถือเป็นสองบริษัทที่ให้ค่าตอบแทนแก่กรรมการในอัตราที่สูงมาก และมักมีการ "แจกหุ้น" อย่างสม่ำเสมอ และเป็นผลที่ทำให้ "จักรมณฑ์" ได้เงินค่าจ้างเฉลี่ยขั้นต่ำไปถึงปีละ 6.7 ล้านบาท กับหุ้นในพอร์ตอีกมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท

ด้าน "พิชัย ชุนหวชิร" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชีองค์กร ปตท. ได้ค่าตอบแทนเฉลี่ยขั้นต่ำจากทุกตำแหน่ง มากกว่าปีละ 26ล้านบาท และมีหุ้นพกไว้ในพอร์ตอีกประมาณ 38.7 ล้านบาท พิชัย เป็นลูกหม้ออีกคนของ ปตท.ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนซีกรัฐบาล จนสามารถเข้าไปนั่งแท่นกรรมการของบริษัทต่างๆ มากกว่า 10 แห่ง กระทั่งเขาเติบโตและร่ำรวยขึ้นอย่างแข็งแกร่ง พิชัย ถือเป็นมือการเงิน "ชั้นเซียน"ที่ระบอบทักษิณกำลังให้เครดิตมากเป็นพิเศษ

รายถัดมา "อดิเทพ พิศาลบุตร์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.เคมิคอล (PTTCH) รับเงินค่าจ้างเฉลี่ยมากกว่า 20 ล้านบาทต่อปี จากบริษัทในกลุ่มปตท. ที่น่าทึ่งก็คือหุ้นในพอร์ตที่ "อดิเทพ"ได้รับจากการทำงานก็ยังมีมูลค่าถึง 121 ล้านบาท

สำหรับ "ดร.ปิติ ยิ้มประเสริฐ"ที่เพิ่งจะเกษียณจากผู้บริหาร "ไทยออยล์" (TOP) แต่ตัวเลขค่าจ้างเฉลี่ยขั้นต่ำในรอบปีที่ผ่านมาสูงกว่าปีละ24.7 ล้านบาท และยังมีหุ้นติดพอร์ตไว้ใช้อีกกว่า 102.2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ดร.ปิติ ยังคงความสำคัญในฐานะผู้เชี่ยวชาญสายพลังงาน จนสามารถเข้าไปเป็นกรรมการของ "ทีพีไอ" ได้ในที่สุด

"ดร.วิโรจน์ มาวิจักขณ์"กรรมการอำนวยการคนล่าสุดของ TOP(แทน ดร.ปิติ) รับเงินเดือนจากทุกตำแหน่งในกลุ่มปตท.เฉลี่ยขั้นต่ำปีละ 26.5 ล้านบาท พร้อมโกยหุ้นเข้าไปตุนไว้ในพอร์ตได้แล้วกว่า 48.9 ล้านบาท

ขณะที่ "ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ยังเข้าไปมีเอี่ยวกับค่าจ้างรายเดือนในฐานะกรรมการของ "บ.อีสวอเตอร์" และ "การบินไทย" โดยมีรายได้เฉลี่ยขั้นต่ำปีละ 11.4 ล้านบาท กับหุ้นในพอร์ตอีกมูลค่า 4.3 ล้านบาท

"ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์" อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแต่ปัจจุบันได้เข้าไปเป็นประธานกรรมการของ "บ.เอสซีแอสเสท" (SC) และ "ธ.กรุงไทย" (KTB) โดยรับเงินตอบแทนปีละ 6.4 ล้านบาท

ส่วน "อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์" รับค่าจ้างจาก KTB แห่งเดียวปีละ 15 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ

มาถึง "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท (MCOT) แม้จะมีรายได้เฉลี่ยต่อปี "ขั้นต่ำ" เพียงปีละ 3.5 ล้านบาท แต่ถึงวันนี้เขาก็สามารถสะสมรับค่าตอบแทนในรูปของหุ้นMCOT ไปได้ถึง 14.6 ล้านบาท

ปิดท้ายที่ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์"ในฐานะน้องเขยนายกฯทักษิณ ค่อนข้างจะรุ่งเรืองได้อย่างเงียบกริบที่สุดในบรรดา"เทคโนแครต" ทั้งหมด เขาสามารถข้ามฟากจาก"ปลัดกระทรวงยุติธรรม" ไปนั่งเป็น "ปลัดกระทรวงแรงงาน" ซึ่งถือแหล่งซ่อนขุมทรัพย์นับแสนล้านของ"กองทุนประกันสังคม" ซึ่งกำลังถูกแปรวัฒนธรรมการลงทุนไปสู่ทุนนิยมแบบสุดขั้ว...โดยมีตลาดหุ้นเป็นถุงเงิน
ปัจจุบัน "สมชาย" ยังมีตำแหน่ง (กรรมการ) กับรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่งตั้งแต่ "ปตท." "ไทยออยล์" "ธ.กรุงไทย" และ "ท่าอากาศยานไทย" โดยรับผลตอบแทนรวมจากทุกตำแหน่งเฉลี่ย ไม่น้อยกว่าปีละ8.5 ล้านบาท (ไม่รวมตำแหน่งปลัด) และยังรับค่าตอบแทนเป็นหุ้น TOP อีกจำนวน 244,800 หุ้น นับมูลค่าได้กว่า 16.9 ล้านบาท

ประเทศไทย


โดย: แตนต่อย วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:21:10 น.  

 
ชอบรูปในเมนท์ที่ 37อ่ะค่ะ แก้เครียดเรื่องการเมือง
ลุ้น ๆ ๆ วันที่ 22 ตค.เลือกตั้งใหม่ อาจจะมีพลิกล็อคมั่งมั๊ญน๊อ?


โดย: www.pornchaisharkfin.com (คุณย่า ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:22:22 น.  

 
ศาล ปกครองฟันซ้ำเลือกตั้ง 2 เมษา มิชอบ-ฮึ่มฟ้อง กกต.เรียกคืน 2 พัน ล.


ศาลปกครองกลาง ย้ำ กกต.เลือกตั้ง 2 เมษายนมิชอบ จัดคูหา-ติดหมายเลขผู้สมัครไม่สุจริตเอื้อช่วยเหลือบางพรรค ขัดสิทธิขั้นพื้นฐานอันเป็นหัวใจของประชาธิปไตย และระบบเลือกตั้งในสากล ด้าน “โพธิพงษ์” ผู้ร้องเตรียมเดินหน้าฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ “พี่หนา” พร้อมทีมงานทวงเงินภาษีที่ละเลงไปกว่า 2 พันล้านคืนประชาชน

วันนี้ (16 พ.ค.) เวลา 15.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2 ชั้น 31 ศาลปกครอง อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ นายสมชัย วัฒนการุณ ตุลาการเจ้าของสำนวน อ่านพิพากษาให้เพิกถอนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต ทั่วทั้งประเทศ และผลสืบเนื่องจากการเลือกตั้งทั้งหมดด้วย ทั้งเรื่องของการจัดคูหาแบบใหม่ ที่ข้อเท็จจริง และความรู้สึกของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ขัดต่อมาตรา 104 วรรคสาม ที่ระบุว่าการลงคะแนนต้องเป็นไปโดยตรงและลับ ทั้งนี้ กกต.ที่ให้อำนาจในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว.ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต แต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.กกต.ไม่ได้มีการป้องปรามการทุจริต ไม่ให้เป็นไปโดยลับ ที่ถือเป็นหัวใจ และสาระสำคัญในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

นอกจากนี้ ศาลปกครองมีอำนาจในการพิพากษาตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 แม้ กกต.จะไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ แต่เมื่อพิจารณาการใช้อำนาจการควบคุมการเลือกตั้งใน 3 ลักษณะ คือ 1.การออกกฎ 2.การบังคับใช้กฎหมาย 3.การมีมติ สืบสวนสอบสวน วินิจฉัยชี้ขาด ออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่ กกต.อ้างจากคำวินิจฉัยที่ 52/2546 ของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า อำนาจสืบสวนสอบสวน วินิจฉัยชี้ขาด ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 145(3) ถือเป็นการยุติ เพราะเป็นองค์กรอิสระ ไม่ถูกควบคุมกำกับดูแลโดยรัฐ แต่ กกต.ใช้อำนาจออกกฎ มีมติ อื่นใด หากมิใช่การสืบสวนสอบสวนตามมาตรา 145(3) ในการจัดการเลือกตั้ง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญโดยตรงเป็นการใช้อำนาจทางปกครอง เช่นเดียวกับการที่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจในการออกกฎ ระเบียบต่างๆ และ กกต.ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม มาตรา 3 การจัดตั้งการพิจารณาคดีปกครอง ที่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) ดังนั้น ศาลปกครองกลางมีอำนาจในการพิพากษาได้

สำหรับกรณีการจัดคูหาเลือกตั้งแบบใหม่ของ กกต.ศาลพิเคราะห์ เห็นว่า การเลือกตั้งที่จะต้องแสดงเจตจำนงทางการเมือง ถือเป็นสาระในการปกครองในระบอบผู้แทนราษฎร ย่อมหมายถึงการลงคะแนนโดยอิสระ ปราศจากการบังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน ใช้อิทธิพล ทั้งโดยทางตรงและอ้อม นั่นคือ การลงคะแนนโดยลับ ตามอย่างที่ประเทศไทยได้รับรองปฏิญญาสากล ข้อที่ 21(3) ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า เจตจำนงประชากรในการเลือกตั้งอย่างแท้จริงต้องเป็นไปอย่างเสมอภาคอิสระ และเป็นไปโดยทางลับ เช่นเดียวกับมาตรา 104 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ

“การจัดคูหาแบบใหม่ ทำให้การใช้บัตรเลือกตั้งมีช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนอยู่มุมขวาสุดด้านล่าง ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วย บุคคลที่ยืนรอใช้สิทธิ สังเกตได้ง่ายว่า ผู้ใช้สิทธิจะออกเสียงในช่องลงคะแนนใด ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ ว่าเลือกคนใดคนหนึ่ง หรือแบบแบ่งเขตว่าเลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่ง รวมช่องประสงค์ไม่ลงคะแนนอยู่ด้านมุมขวามือด้านล่างสุดของบัตรเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นการออกเสียงลงคะแนนลับ ก็ไม่ใช่การเลือกตั้งอย่างแท้จริง และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ”

นอกจากนี้ ศาลพิเคราะห์จากหลักฐานรวมทั้งเอกสารหลักฐานจากสื่อสิ่งพิมพ์ วีซีดี ได้สอดรับกับข้อพิจารณาของศาลข้างต้น รวมทั้งจากการรวบรวมความคิดเห็นจากหลายฝ่าย อาทิ มูลนิธิองค์กรกลาง นายก อบต. เอแบคโพลล์ สื่อมวลชน ประชาชน ฯลฯ สรุปได้ว่า การจัดคูหาแบบใหม่ทำให้สังเกตการลงคะแนนโดยง่าย ว่าลงให้ใคร ไม่ปลอดภัย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรจัดคูหาแบบเดิม

นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ฟ้องคดีจากสภาทนายความ กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพากษา ว่า การพิพากษาเพิกถอนการเลือกตั้ง 2 เม.ย.ไม่เกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 22 ต.ค.ที่ถือเป็นเรื่องใหม่ เพราะศาลพิพากษาเพียงกรณีตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ที่เพิกถอนทั้งหมด โดยวันนี้ศาลพิพากษาใน 2 ประเด็น คือ 1.อำนาจของศาล 2.การกระทำของ กกต.ซึ่งคำพิพากษาชี้ว่า กกต.ละเมิดกฎหมาย ที่เป็นเรื่องใหญ่ของประชาชนไม่ได้ ดังนั้น ผู้ที่จะดำเนินการเลือกตั้งครั้งต่อไป ควรนำคำพิพากษานี้ไปดูด้วย

“วันนี้ กกต.ควรเคารพตัวเอง อย่าให้ต้องไปดำเนินคดีอะไรอีกเลย ขอให้ลาออก เพราะทางออกในสังคมยังมี ถ้าฝืนต่อไปชีวิตจะไม่มีความสุข เพราะทุกวันนั้นเกิดจากการกระทำของกกต.ทั้งหมด ถ้าจะรับผิดชอบไม่ใช่เพียงแค่ กกต.แต่เลขาธิการ กกต.ผอ.สำนักต่างๆ ต้องรับผิดชอบด้วย” นายนิติธร กล่าว

นายโพธิพงษ์ บันลือวงศ์ กล่าวว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 18 พ.ค.นี้ จะยื่นหนังสือให้กระทรวงการคลังเรียกค่าเสียหายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ กกต.ที่ประชาชนสูญเสียงบประมาณจากการจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.กว่า 2 พันล้านบาท หากคลังไม่ดำเนินการอะไร ตนจะมายื่นต่อศาลปกครอง ทั้งนี้ ตนจะยื่นคำพิพากษาวันนี้ให้กับยูเอ็น และจะดำเนินการฟ้องอาญาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และ กกต.ทั้งในและต่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะนายกฯและ กกต.ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา อย่างไรก็ตาม กกต.ไม่มีความชอบธรรมแล้วที่รับรอง ส.ว.เพราะศาลปกครองกลางพิพากษากรณีตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นมา ดังนั้น การเลือกตั้ง ส.ว.เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย ควรจะต้องเพิกถอนและให้มีการเลือกตั้งใหม่

“จากคดี กฟผ.ไอทีวี และคดีการเลือกตั้ง ชี้ให้เห็นว่า ศาลปกครองเป็นที่พึ่งที่มีความเที่ยงธรรม ในการเคารพกฎหมาย เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล” นายโพธิพงษ์ กล่าว

นางรสนา โตสิตระกูล ว่าที่ ส.ว.กทม.กล่าวว่า กกต.ควรชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน เพราะ กกต.ทำให้บ้านเมืองเสียเงินอย่างไม่น่าเสีย อย่างไรก็ตาม แม้ กกต.ทั้งหมดจะลาออก และส่งผลกับการรับรองผล ส.ว.อย่างไรตนก็จะรอการรับรองผลจาก กกต.ชุดใหม่ได้ ไม่มีปัญหา


//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000064191


โดย: แตนต่อย วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:29:52 น.  

 


โดย: แตนต่อย วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:41:12 น.  

 

พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)

สุดยอด! “วาสนา-ปริญญา-วีระชัย” ไม่ออก-สอน กม.ศาลย้ำใช้ ม.8 ถูกต้อง


"วาสนา-ปริญญา-วีระชัย" ไม่ออก-ไม่สนใจมติ 3 ศาลมั่นใจทำอะไรไม่ได้ กร้าวเดินหน้าจัดการเลือกตั้งหน้าตาเฉย เตรียมเสนอรัฐบาล"แม้ว"ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 22 ตุลาคมตามกำหนดเดิม แถมสอนกฎหมายศาลย้ำองค์ประชุมกกต.เป็นไปตาม ม.8 ถูกต้อง

วันนี้(16 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 19.15 น. พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงภายหลังการปรชุม กกต.ว่า ได้รับมอบหมายให้แถลงใน 2 เรื่อง คือ 1 ทางกกต.ได้รับหนังสือแจ้งจาก ประธานวุฒิสภาแจ้งการเรื่องการลาออกจากกกต.ของ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ซึ่งทางสำนักงาน กกต.จะทำหนังสือแจ้งไปยังประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกาเพื่อดำเนินการตามมาตรา 138 ต่อไป โดยใบลาออกของ พล.อ.จารุภัทร มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ พล.อ.จารุภัทร แสดงเจตนาไว้

พล.ต.ต.เอกชัย ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังพิจารณาถึงการทำหน้าที่ต่อไปของกกต.ว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ตามรธน.141(2) ส่วนองค์ประชุมกกต.เป็นไปตาม ม. 8 ของพ.ร.บ.กกต. คือต้องมีกกต.มาประชุมไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของจำนวนกกต.เท่าที่มีอยู่ เช่น กกต.มี 5 คนองค์ประชุมคือ 4 คน ถ้า กกต.เหลือ 4 คนองค์ประชุมคือ 4 คน ถ้าเหลือ 3 คนองค์ประชุมคือ 3 คน ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติในลักษณะเป็นสัดส่วน 4 ใน 5 ของจำนวน กกต.ที่มีอยู่

สำหรับเรื่องที่ 2 นั้น พล.ต.ต.เอกชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การประชุมหารือร่วมกับพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมาหารื อกัน โดย กกต.ได้เชิญหัวหน้าพรรค เลขาครม.มาหารือตามคำวินิจฉัยของศาลรธน.และวันนี้ทางสำนักงานเลขาธิการกกต.ได้สรุปผลการหารือเสนอต่อกกต.เพื่อทราบแล้ว และจะได้แจ้งต่อรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000064218

ความคิดเห็นที่ 439
วิกฤตบ้านเมืองขณะนี้ ดูเหมือนจะเป็นการจงใจที่จะทำให้วุ่นวายสับสนโดยกลุ่มนายทุนที่สนับสนุนเเละร่วมอยู่ในรัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านกูกระเป๋ากูมา2สมัยเเทบจะกุมอำนาจทางเศรษฐกิจของชาติไว้หมดเเล้ว การได้มาซึงอำนาจก็กระทำได้ง่ายมากโดยอาศัยเงินไม่กี่พันล้านก็เข้าครอบงำบรรดาผู้เเทนที่มีเเต่อุดมการณ์เพื่อปากท้องกูอย่างเดียวกลุ่มทุนพวกนี้มีมาจากหลายประเทศไม่ใช่เฉพาะของเราเอง อาศัยบรรดาที่ปรึกษาที่มีความรู้ความสามารถเเต่เอาความรู้ไปใช้ในทางที่ผิดเช่นอาศัยช่องว่างของกฎหมายเเนะนำให้เขาเลี่ยงภาษีคนพวกนี้ไม่สมควรไปยกย่องเขา คนพวกนี้แพ้อำนาจเงินตราไม่รู้จักพอยังดื้อคึง เฉยเมยทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่สนว่าใครจะเป็นอะไรเพราะผลประโยชน์ที่พวกเขากอบโกยไปก่อนหน้านั้นมันมากมายมหาศาลจะทำให้บ้านเมืองเป็นเเบบนี้อีกนานเเค่ไหนพวกเขาก็ไม่เป็นไรพวกเขาไม่ได้สนใจว่าชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรประชาชนจะเป็นอย่างไรพวกเขาทำให้คนเเตกเเยกโดยอาศัยจุดอ่อนของความยากจน พื้นความรู้ที่ยังมีน้อย ใช้เศษเงินหว่านลงไปผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น ก็ได้เเต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต เพื่อเราจะได้เห็นการเมืองในฝัน รัฐบาลในฝันที่จะดูเเลประชาชน บริหารบ้านเมืองด้วยความสุจริตคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติเป็นหลักเเละมีรัฐบาลที่มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาเเละพระมหากษัตริย์
เหรียญสองด้าน


โดย: แตนต่อย วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:36:24 น.  

 

นายจรัล ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา
แถลงที่สำนักงานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังการประชุมของประธานทั้ง 3 ศาล


3 ศาลสุดทน"วาสนา-ปริญญา-วีระชัย" ยังเป็นทองไม่รู้ร้อน ไล่ตะเพิดพ้นเก้าอี้ห้ามคุมการเลือกตั้งอีกต่อไป ชี้หากปล่อยให้ทำหน้าที่อีกจะสร้างความเสียหายกับบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง แนะทั้ง 3 คนรีบลาออกเพื่อเปิดทางให้ศาลฎีกาและวุฒิสภาเฟ้นกกต.ชุดใหม่ที่เป็นกลางและมีความอิสระปราศจากบุญคุณความแค้นจากฝ่ายใดอย่างแท้จริงโดยเร็ว ขณะเดียวกัน ระบุมติเลือกตั้ง 22 ต.ค.49 มิชอบด้วยกฎหมาย เหตุเพราะกกต.ไม่ครบองค์ตามรธน.กำหนด

วันนี้(16 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. นายจรัล ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา แถลงที่สำนักงานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังการประชุมของประธานทั้ง 3 ศาลอันประกอบด้วย ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง ซึ่งมีรายละเอียดคำต่อคำ ว่า ผลการประชุมได้มีข้อยุติหลายประการ ประการแรก ท่าน(ทั้ง 3 ศาล) มีความเห็นว่า การที่จะมีการขอให้ทางศาลเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ ทางศาลยังไม่มีทางที่จะเข้าไปร่วมดำเนินการกับการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 4 คน ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเวลานี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปร่วมในรูปแบบใดก็ตาม เหตุผลก็เนื่องจาก คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ได้ถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไปโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นการจัดการเลือกตั้งที่ไม่เป็นความลับ ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการเลือกตั้งที่ผิดพลาดอย่างสำคัญในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เนื่องจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมีหลักที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งว่า จะต้องดำเนินการเป็นการลับอย่างแท้จริง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้มีช่องว่าง หรือเปิดทางให้มีการใช้เล่ห์กลโกงในลักษณะใดลักษณะหนึ่งในการแข่งขันการเลือกตั้งได้

ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้ง 4 คน ได้ดำเนินการอย่างผิดพลาดไปอย่างใหญ่หลวงเช่นนั้น ทำความเสียหายให้เกิดแก่ประเทศชาติอย่างมาก หากปล่อยให้ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก็เป็นไปได้มากว่า จะไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย สุจริต และเที่ยงธรรมได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

ที่ประชุมของท่านประธานศาลทั้ง 3 ศาล จึงเห็นพ้องกันว่า ทางศาลจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ก็ต่อเมื่อมีการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ จากบุคคลที่มีความเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง และมีความเป็นอิสระ ปราศจากบุญคุญ ความแค้น แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เข้ามาทำหน้าที่ และการดำเนินการในเรื่องนี้ก็จะดำเนินการได้ต่อเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดปัจจุบันทั้ง 4 คน ได้เสียสละลาออกจากตำแหน่งหน้าที่ที่ดำเนินการ เพื่อเปิดทางให้กระบวนการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ โดยศาลฎีกา และวุฒิสภา สามารถดำเนินไปได้ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

สำหรับกรรมการการเลือกตั้งที่มีข่าวว่าได้เสียสละลาออกจากตำแหน่งไปแล้วนั้น ทางที่ประชุมท่านประธานศาลทั้ง 3 ให้ความชื่นชมในความเสียสละและความสำนึกรับผิดชอบในภารกิจของบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง และหวังว่าที่เหลืออีกทั้ง 3 ท่าน จะใช้ช่วงโอกาสนี้เสียสละเพื่อประเทศชาติตามแบบอย่างที่ดีต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมี กกต. ชุดใหม่แล้ว การดำเนินการ ของ กกต.ชุดเก่าวานนี้ จะมีผลผูกพันธ์อย่างไรหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ท่านได้มอบหมายให้ทางฝ่ายวิชาการของศาลศึกษาในข้อกฎหมาย โดยข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ แต่ทางฝ่ายวิชาการของทั้ง 3 ศาลเห็นว่า การเริ่มดำเนินการของ กกต.วานนี้ ยังไม่เป็นการดำเนินการของ กกต.ที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ถือเป็นมติที่ชอบด้วย มาตรา 8 พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ 2541 ที่ระบุว่า องค์ประชุม ของ กกต.จะต้องมีไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของ กกต.ทั้งหมด ขณะนี้ กกต.เหลือ 4 คน องค์ประชุม จะครบต่อเมื่อ ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่วานนี้การประชุม มีผู้เข้าร่วมเพียง 3 คน เทียบได้เพียง 75 เปอร์เซ็นต์ ของ กกต.ที่เหลืออยู่ทั้งหมด จึงเป็นการดำเนินการที่ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย

ต่อข้อถามที่ว่า การประชุมที่ไม่ครบองค์ประชุมวานนี้ กกต.เพื่อต้องการจะเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า จริงๆแล้ว กกต.ต้องยุติและไม่ควรดึงดันต่อไป เนื่องจากความเสียหาย ที่ประเทศชาติได้รับจากการดำเนินการ ของ กกต.ชุดนี้ เป็นรูปธรรมชัดเจน และไม่สามารถอยู่ปฎิบัติหน้าที่ได้อีกต่อไป

สำหรับกกต.ที่ยังปฏิบัติหน้าที่มีอยู่ด้วยกัน 3 คนประกอบด้วย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต.นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และ นายวีระชัย แนวบุญเนียร ส่วน พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ ได้ยื่นใบลาออกแล้วโดยลงนามเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดคุยไม๊ว่าการกระทำที่ไม่ครบองค์ประชุมมีเจตนาหลีกเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ไม่ได้มีการวินิจฉัยจุดนี้ ขอให้ทางศาลได้วิเคราะห์ทั้งในด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจน ก่อนที่จะนำเสนอประธาน 3 ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป

ต่อข้อถามว่าจริงๆ แล้วกกต.ควรจะยุติการปฏิบัติหน้าที่ และลาออกเลยอย่างนั้นใช่หรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ความเสียหายที่ประเทศชาติได้รับจากการดำเนินการที่ผิดพลาดของกกต.ชุดนี้เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยมาตรฐานของผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีนั้น จะไม่สามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของศาลได้เคยมีการเสนอแนะทางออกต่อกกต.แล้ว แต่ทางกกต.ก็ไม่ได้สนใจในยการปฏิบัติตาม แต่ครั้งนี้หวังว่าทางกกต.จะยอมรับข้อเสนอเพียงใด นายจรัญ กล่าวว่า มีสัญญานที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ โดยข่าวการลาออกของกกต.คนแรก จึงน่าเชื่อไปในทางที่ดีว่าอีก 3 ท่าน คงจะใช้โอกาสนี้ตัดสินใจ เสียสละให้แก่บ้านเมือง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น แต่ถ้าการแสดงความรับผิดชอบไม่เกิดขึ้น และต้องล่าช้าออกไปความเสียหายที่จะลุกลามและเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ก็จะต้องตกแก่ท่านที่ยังมิได้ใช้โอกาสนี้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง

อย่างนี้เป็นอันว่าหากกกต.ไม่ยอมลาออก จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายจรัญกล่าวว่า อันนี้ไม่ได้เป็นคำวินิจฉัยหรือมติที่ประชุม ท่านมอบหมายเพียงว่าถ้ากกต.ชุดนี้ยังคงที่จะยืนยันทำหน้าที่ต่อไป ทางศาลไม่สามารถเข้าร่วมรับผิดชอบหรือช่วยเหลือสนับสนุนได้ คนที่ดำเนินการไปเกิดเสียหายอย่างไรขึ้นแก่บ้านเมือง จะต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัว

ความรับผิดชอบนี้หมายถึงกกต.อาจถูกดำเนินคดีในทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้มีหลายคดีที่อยู่ในศาลใช่หรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ไม่ได้มีการตกลงกันในเรื่องคดีความ เป็นการหาทางที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้ง แก้ปัญหาความติดขัดในบ้านเมือง

นอกจากการขอร้องให้กกต.ลาออกมีแนวทางอื่นไม๊ ที่จะทำให้กกต.หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายจรัญกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการหาทางออกทางอื่น เพราะมั่นใจว่าโดยสภาพของเนื้อหาไม่มีเหตุผลใดๆ สำหรับกกต.ชุดนี้ที่จะดึงดันทำหน้าที่ต่อไป

มีการพูดถึงหรือไม่ ว่าถ้ากกต.ลาออกไป กระบวนการทั้งหมดที่ศาลจะดำเนินการสรรหากกต. ชุดใหม่จนถึงกระบวนการจัดการเลือกตั้งจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน นายจรัญกล่าวว่า ช่วงเวลานั้นจะไม่มากกว่าปกติมากมายนัก อาจจะไม่มากกว่าเท่าที่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าวานนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มติของกกต.วานนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในส่วนของคณะรัฐมนตรี จะนำมติไปกำหนดวันเลือกตั้งได้หรือไม่ นายจรัญกล่าวว่า ไม่ได้บอกว่ามติไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่เป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการประชุมไม่ครบองค์ประชุม การลงมติอย่างนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมาย

ต่อข้อถามว่า หากกกต.ยอมเสียสละให้มีการแต่งตั้งกกต.ชุดใหม่ และศาลเชื่อว่าจะสามารถแต่งกกต.ชุดใหม่ถึงเวลาเลือกตั้งได้ภายในกรอบเวลาเดิมนั้นหมายถึงว่า จะให้มีการปลดล็อก 90 วัน ด้วยใช่หรือไม่ นายจรัญ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อยุติในการประชุมประเด็นนี้ แต่โดยหลักการทางศาลต้องการให้การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ นอกจากจะดำเนินไปโดยเรียบร้อยสุจริตยุติธรรมราบรื่นแล้ว ก็ควรจะต้องให้โอกาสทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าอย่างนี้จะทำให้พรรคการเมืองใหม่สามารถเข้ามาร่วมกับการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ นายจรัญ กล่าวว่ายังไม่ได้วินิจฉัยไปไกลขนาดนั้น แต่ได้พูดคุยในหลักการว่าควรจะเปิดโอกาสให้คนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีกกต.ที่เหลืออีก 3 คน หากยังดึงดันจะทำหน้าที่ต่อไปนั้น จะสามารถปฏิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้งต่อไปได้หรือไม่ นายจรัญกล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้มีข้อยุติในเรื่องนี้ แต่ว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญได้ระบุว่า กรรมการที่เหลือก็สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ แต่การทำหน้าที่ต่อไปได้นั้นเมื่อไม่มีความชอบธรรม ไม่ได้รับความไว้วางใจที่จะให้ทำหน้าที่แล้วนั้น หากดำเนินการอย่างใดผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป ก็จะเป็นประเด็นที่ถูกขยายให้ลุกลามต่อไปได้

มีการประเมินหรือไม่ว่ามีเหตุผลอะไรที่กกต.ชุดนี้ดื้อดึงไม่ยอมลาออก นายจรัญกล่าวว่านั้นเป็นปัญหาที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ก็คงจะต้องแสวงหาคำตอบกันต่อไป

ต่อข้อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่ากกต.ควรจะลาออกเมื่อใด เพื่อให้กระบวนการสรรหากกต.ชุดใหม่ได้พอเหมาะกับเวลาในการจัดการเลือกตั้งครั้งหน้า นายจรัญกล่าว่า ถ้ากกต.เสียสละลาออกได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนตัวของประเทศชาติ มีผลกระทบต่อภาวะสุญญากาศของการเมืองการปกครอง กระทบถึงหลายเรื่องที่สำคัญ การแสดงความรับผิดชอบที่เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีคุณค่ามากเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการพิพากษาของศาลปกครองวันนี้ ในเรื่องกกต.จัดการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะมีน้ำหนักเพิ่มให้กกต.ใช้พิจารณาตัวเองด้วยใช่หรือไม่ นายจรัญกล่าวว่าหากคำพิพากษาไปในแนวทางนั้น ประเด็นการดำเนินการที่ผิดพลาดก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นที่กกต.น่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000063984


โดย: แตนต่อย วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:44:14 น.  

 
อวสานกกต. และภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์

โดย สำราญ รอดเพชร 16 พฤษภาคม 2549 17:26 น.


เอกลักษณ์ของคอลัมน์ “ท่านขุนน้อย” แห่งหน้า 2 นสพ.ไทยโพสต์ รายวัน ก็คือ ตอนจบข้อเขียนจะสรรหาวาทะ คำคม สุภาษิต หรือคำสอนดี ๆ มาปิดท้าย

อย่างฉบับเมื่อวาน (16 พ.ค.) หยิบเอาสุนทโรวาท อิหม่าม อาลี มาทิ้งทวน..
“ความกล้าแต่เพียงครั้งเดียวต่อหน้ากษัตริย์...ย่อมเปิดเผยตัวตนของเขาให้เห็นได้อย่างชัดเจน...”

สั้นๆ แต่ได้ใจความ หนุนส่งให้บทความชื่อ “อันตราย” ว่าด้วยปรากฏการณ์ของระบอบทักษิณที่ท้าทาย และเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความหนักแน่น แบบเนื้อๆ เน้นๆ ขึ้นอีกหลายเท่า..

อันว่า“ท่านขุนน้อย” นั้นเป็นสื่อมวลชนอาวุโส อายุงาน 30 ปีเศษ ผมเคยเป็นลูกน้อง - เพื่อนร่วมงาน แต่ไม่พบหน้าค่าตากันมาหลายปีแล้ว หลังจากเขาปลีกวิเวกไปอ่านหนังสือ, เขียนคอลัมน์, พิมพ์พ็อกเก๊ตบุ๊คเพียงอย่างเดียว

ไม่ยอมมาเปิดยุทธการแลกเช็ค ออกนสพ.รายวัน รายสัปดาห์ แบบเมื่อหลายปีก่อนอีกแล้ว!

แต่ผมก็ใกล้ชิดกับแง่คิดมุมมองของ “ท่านขุนน้อย” จากการอ่านคอลัมน์ที่เขาเขียนติดต่อกันหลายปีดีดัก

ตั้งแต่ “ท่านขุนน้อย” ตั้งคำถาม สวนกระแสทักษิณฟีเวอร์ แต่ผมเองยังออกอาการปลื้มกับความหาญกล้าท้ายุทธจักรของทักษิณเมื่อ 4 - 5 ปี กว่าจะรู้จักและรู้ทันทักษิณจริงๆ ก็ปีสองปีมานี่เอง

แม้จะรู้จัก รู้ทันแล้วก็ไม่วายที่จะแสดงจิตใจ (ผ่านข้อเขียน) ที่ให้โอกาสในตอนแรกๆ หรือแม้กระทั่งในสถานการณ์ชุมนุมเรียกร้อง “ท๊ากกกสิน....ออกไป” ในห้วงเดือน ก.พ.-เม.ย. ที่ผ่านมา ผมก็ยังเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการชี้ทางให้รักษาโอกาสแห่งอนาคตของตัวเองด้วยการ..

นำครม.เข้าเฝ้า กราบบังคมทูลขอลาออกทั้งคณะ และขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานด้วยตัวเอง เพื่อเปิดทางให้มาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญได้ขับเคลื่อน

เพื่อวันข้างหน้า “ทักษิณ” จะกลับมาได้อีกครั้งอย่างสง่างามกว่าทางเลือกอื่น..

แต่ก็อย่างว่า...เสียงนกเสียงกา ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหนจะฟัง

ตอนที่ร่วมเป็นโฆษกบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนเลือกตั้ง 2 เม.ย. ผมเลยแหกปากตะโกนเป็นวรรคเป็นเวรว่าเลือกตั้ง 2 เม.ย.มันคือเส้นทางแห่ง “ทางตันและทางตาย” ของระบอบทักษิณและระบอบประชาธิปไตย....

มาถึงวันนี้ สถานการณ์เป็นอย่างไร...ท่านผู้อ่านลองลำดับสถานการณ์ช้าๆ ชัดๆ ก็น่าจะพอแลเห็นว่าถึงแม้ระบอบทักษิณ พรรคไทยรักไทยจะแข็งแกร่งสักปานใด แต่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่จะต้อง “ชดใช้กรรม” ของตัวเองอย่างยืดเยื้อ..ยาวนาน...

กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2549 และการสนองรับกระแสกระราชดำรัสของ 3 ศาลโดยพลันนั้น..

เป็นปรากฏการณ์พิเศษ...

ผมอยากจะบอกว่าเป็นปรากฏการณ์พิเศษยิ่งกว่ามาตรา 7
ยกเว้นเสียแต่นักการเมืองค่ายไทยรักไทยแล้ว มองออกไปทั่วแคว้นแดนไทย ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับสถาบันศาลที่ถวายชีวิตเข้ามาแบกรับ “ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์” หนนี้..

คงไม่ต้องอธิบายความกันอีกว่า “ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์” คืออย่างไร..สิ่งที่ศาลแถลงมาทุกรอบของการประชุม “ประมุข 3 ศาล” นั้นชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว...

และถึงขั้นนี้แล้วต้องพูดกันตรง ๆ ว่า ถ้า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เหลือ 4 คน ยังดวงตามืดบอด ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ผมก็ได้แต่ห่วงว่าไม่ช้าไม่นานจระเข้เหล่านี้จะถูกจับลากขึ้นมา “จัดการ”

ขณะเขียนต้นฉบับ (สายวันที่ 17) ผมยังไม่ชัดเจนว่า พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ จะยืนกรานลาออกตามข่าวหรือว่าถูกล็อบบี้ลากลงคลองไปเรียบร้อยแล้ว

แต่เมื่อดูแววตาท่านตอนนั่งประชุมกับ 18 พรรคการเมืองเมื่อวันที่ 16 พ.ค. และความเชื่อส่วนตัวลึกๆ ของผมว่า ศักดิ์ศรีคนเป็น “พลเอก” (อย่างท่าน)...ท่านคงไม่เลือกหนทาง “ขวางคลอง” อย่างแน่นอน

ผมอยากเดาว่า คดีหมิ่นฯ ที่ประธานกกต.พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ถูกฟ้องร้องอยู่ในขณะนี้นั้นน่าจะมีส่วนสำคัญทำให้พล.อ.จารุภัทรตัดสินใจง่ายขึ้น !?

ถึงตรงนี้ก็ต้องเรียนว่า...ผมไม่ได้จงเกลียดจงชัง กกต.ท่านใดเป็นการส่วนตัว เพียงแต่อยากจะย้ำยืนยันว่า วันนี้ กกต.ชุดปัจจุบันหมดความชอบธรรมแล้วอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยก็ตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญลงมติให้เพิกถอนการเลือกตั้ง 2 เม.ย. เพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป “มีความเที่ยงธรรมและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”

การที่ กกต. 3 ท่านยังเลือกที่จะ “ขวางคลอง” ต่อไป ท่ามกลางเรื่องราว, ข้อกล่าวหาที่คาโรงคาศาลและคำครหาร่ำลือมากมาย ยิ่งจะเป็นการตอกย้ำว่า...แท้จริงแล้ว กกต.ชุดนี้ก็เท่ากับเป็นกลไกหนึ่งของระบอบทักษิณเท่านั้นเอง...

รีบตัดสินใจลาออกตามคำเรียกร้องจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคม ยังพอจะนับได้ว่าเป็นการน้อมสนองกระแสระราชดำรัสอย่างจริงใจ แต่ช้ากว่านี้ผมแน่ใจว่าการให้อภัยหรือความเข้าใจจากสังคมแทบจะไม่มีให้...

แค่นี้ส่วนตัวก็น่าจะชีช้ำพอแล้ว บ้านเมือง ระบบ ระบอบการเลือกตั้งก็เละตุ้มเป๊ะพอแล้ว ออกมาทำธุรกิจ ดูแลที่ดิน ดูแลบริษัทของตัวเองให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาลจะดีกว่าดันทุรังดูแล-จัดการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยบาดแผลแห่งความผิดพลาดของตัวเอง

ปล่อยให้ระบอบทักษิณเผชิญหน้าฝ่ามรสุมไปตามกฎแห่งกรรมของมันเถอะ..อย่าไปร่วมท้าทาย ทายท้าลิขิตฟ้าชะตาสวรรค์..หรือร่วมยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ กับเขาเลย..

อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันเกิด

ไม่ต้องไปห่วงว่า กกต.ชุดใหม่จะสรรหาไม่ได้ หรือสรรหากันได้แต่ทำงานสู้ท่านไม่ได้.....

วันนี้..ถ้าท่านไม่ลาออกเพื่อแก้ปัญหา ก็เท่ากับท่านยืนยันที่จะเป็นส่วนสำคัญของปัญหาบ้านเมือง..

เท่านั้น...เท่านั้นเองจริงๆ

ท่านวาสนา .. ท่านปริญญา ..ท่านวีระชัย..!!


โดย: แตนต่อย วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:56:21 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:12:25 น.  

 




โดย: แตนต่อย วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:35:40 น.  

 
เปลวสีเงิน
คนปลายซอย

17 พฤษภาคม 2549 กองบรรณาธิการ

ใคร-ที่ กกต.ยอมตายแทน?


ข่าวบ้านการเมืองระยะนี้ผันผวนเหมือนราคาทอง ราคาน้ำมัน และราคาดอลลาร์ วานซืน-วันเดียว ราคาซื้อ-ขายทองเปลี่ยนราคาขึ้นลงถึง ๖ ครั้ง การเมืองไทยช่วงนี้ก็ปานนั้น ปั่นป่วนมากกว่า ๖ รอบซะอีก!

เหตุการณ์แรกที่ต้องนำมาอัพเดตกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านออกมาประกาศใหม่ "ผมยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่"

แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจแฮะ!

เพราะจากหนังสือลางานก็ดี จากการปฏิบัติตัวของท่านก็ดี และจากคำพูดที่ท่านเที่ยวบอกใครต่อใครว่า ว่างงานแล้วก็ดี ตกงานแล้วก็ดี ไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วก็ดี

ท่านอย่าลืม คำพูดของคนเป็นนายกฯ คือ "กฎหมายสังคม" อย่างหนึ่ง ในเมื่อท่านประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้กันไปอย่างนั้นแล้ว เท่ากับตอกย้ำ-ยืนยันว่า

ท่านพ้นไปจากตำแหน่งนายกฯ รักษาการแล้ว!!

เหตุการณ์ที่สองที่ต้องปรับข้อมูลให้ทันสมัยกันก็คือ พลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ ๑ ใน ๔ กกต.ลาออกแน่นอนแล้วครับ เพราะนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ผู้รักษาการประธานรัฐสภา ออกมาบอกว่าได้รับจดหมายลาออกแล้วเช้านี้

หวังว่าคงไม่มีการกั๊กไว้ล็อบบี้ก่อนหนึ่งคืน เมื่อไม่สำเร็จก็จำต้องยอมรับว่า "ลาออก" แล้วนะครับ?

เหตุการณ์ที่สาม ที่ประชุม ๓ ประมุขศาลลงความเห็นว่า ที่ กกต.ประชุมแล้วลงมติเลือกวันที่ ๒๒ ตุลาคม เป็นวันเลือกตั้งใหม่ นั้น ไม่น่าชอบด้วยกฎหมาย

เพราะตามมาตรา ๘ ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง กำหนดให้มีองค์ประชุมไม่น้อยกว่า ๔ ใน ๕ แต่วานซืนนี้ กกต.ประชุมกันแค่ ๓ คน ขาด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ไปหนึ่งคน

ฉะนั้น จึงไม่ถือเป็นมติที่ชอบด้วยกฎหมาย!

ถ้า ครม.รับลูกแล้วไปออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งตามนั้น ก็เท่ากับนำเอามติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปออกเป็นกฎหมาย

มันก็ยุ่งอีกแหละ!

เหตุการณ์ที่สี่ ท่านจรัญ ภักดีธนากุล เลขานุการประธานศาลฎีกา แถลงผลการประชุม ๓ ประมุขศาลครั้งที่ ๓ ย้ำอีกครั้งว่า การจัดการเลือกตั้งของ กกต.ที่ผ่านมาผิดพลาด เสียหายต่อประเทศชาติ

กกต.ที่เหลืออีก ๓ คนควรเสียสละ ลาออกเร็วเท่าไหร่ก็จะเป็นการบรรเทาความเสียหายให้กับบ้านเมืองมากเท่านั้น

และท่านจรัญย้ำหนักแน่นด้วยว่า ตราบใดที่ ๓ กตต.ยังอยู่ ศาลจะไม่เข้าไปร่วมทำงานด้วย จนกว่า ๓ กกต.ลาออก ให้มีการตั้งคณะกรรมการสรรหา จนกระทั่งมี กกต.ชุดใหม่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๓๘ (๓) นั่นแหละ

ศาลจะเข้าไปร่วมจัดการการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม

เหตุการณ์ที่ห้า ศาลปกครองท่านก็มีคำพิพากษาออกมาว่า การที่ กกต.จัดคูหาเลือกตั้งแบบหันหลังให้กรรมการนั้น "ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ" และให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ๒ เม.ย.นั้น

ครับ..จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มาถึงคำพิพาษาศาลปกครอง ถึงวันนี้แล้ว ถ้า กกต.ยังไม่รู้สึกตัวว่าได้ทำความผิดพลาด สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองและสังคมแล้วละก็

แสดงว่า "ตั้งตนเหนือกฎหมาย" แล้วหละครับ!

เอาแค่ ๕ เหตุการณ์ไว้เป็นข้อมูลเพื่อการติดตามข่าวแค่นี้ก่อนนะครับ สิ่งที่ต้องตามไปดูกันก็คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ, นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร จะยอมลาออกหรือไม่?

ถ้าไม่...จะรอไปฟังบทจบที่ศาลจากคดีมากมาย อันมีคุก-ตะรางเป็นเดิมพันหรือไม่ ท่านวินิจฉัยเองได้ ผมคงไม่จำเป็นต้องตอบแทนนะครับ?

และที่น่าสนใจยิ่งว่า เพราะอะไร ๓ กกต.จึงไม่ฟังเสียงสังคม ทั้งที่ล้มละลายความน่าเชื่อถือไปจากสังคมแล้ว และทั้งที่ตัวเองจัดการเลือกตั้งผิดพลาดเช่นนั้น

เอาหละ..เมื่อไม่สนใจกระแสสังคม แต่การไม่แยแสสนใจกระทั่งมติ ๓ ศาลเช่นนี้ จะมองเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่า

๓ กกต.มีผู้ที่ตัวเอง "เคารพ-เชื่อฟัง" มากกว่าศาล-ผู้รับกระแสพระราชดำรัสมาปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง!

แต่ผมก็ยังมีความเชื่อส่วนตัวว่า ทั้ง ๓ กกต.ล้วนเป็น ข้า-ราช-การ เก่า ไม่ใช่คนป่าเถื่อนมาจากไหน ผิดชอบชั่วดีย่อมแยกแยะได้ด้วยจิตสำนึกสูงส่งของตัวเอง

จะยอมขายตัว-ขายชีวิตให้กับ "ใครบางคน" ถึงขนาดปฏิเสธสังคม ปฏิเสธศาล ทะยานไปถึงคำว่า "กล้าบังอาจ" ชนิดไม่รู้สูง รู้ต่ำ นั้น

ทั้ง ๓ กกต.คงไม่เหิมเกริมถึงปานนั้น ผมปกป้องท่านได้แค่นี้ แต่นับจากนี้ท่านต้องใคร่ครวญเองให้จงหนัก

แถมเหตุการณ์ที่ ๖ ไว้อีกนิด จากที่ กกต.เหลือ ๓ เป็นประเด็นกฎหมายที่บางท่านก็บอกว่า ถึงไม่ครบ ๕ เหลือแค่ ๑ คน ก็ยังทำหน้าที่ได้ต่อ เพราะไม่มีข้อกฎหมายระบุห้าม

แต่นักกฎหมายบางท่านก็ให้ความเห็นว่า เมื่อน้อยกว่า ๔ ก็ไม่น่าจะถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ในประเด็นนี้ "นายสุชน ชาลีเครือ" ผู้ไม่สนใจความเบื่อหน่ายประชาชนต่อตัวท่าน เรียกทีมที่ปรึกษากฎหมายมาหารือ แล้วเตรียมเสนอใช้มาตรา ๑๓๘ (๓) ด้วยสาระตามแนวของเขาว่า

เหลือ ๓ ขาด ๒ ก็จะให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอชื่อมา ๔ แล้วจะเปิดวุฒิสภาเลือกให้เหลือ ๒ ไปเสียบกับ ๓ กกต.เก่า กลายเป็น ๕ กกต.ใหม่!

ครับ..ฟังดูง่ายจัง ผมว่านอกจาก ๓ กกต.ที่น่าจะมีผู้ที่ตัวเองเคารพเชื่อฟังมากกว่าศาลแล้ว นายสุชนนี่ก็อีกคน..คงไม่หนีกันเท่าไหร่ เผลอๆ จะเป็นสาวกของศาสดาคนเดียวกันด้วยซ้ำ!?

เลขานุการประธานศาลฎีกาท่านก็ประกาศครั้งแล้ว-ครั้งเล่าว่า จะไม่ร่วมทำงานกับ กกต.ชุดเก่า เว้นแต่จะสรรหาแล้วมี กกต.ชุดใหม่ทั้ง ๕ คน ศาลจึงจะเข้าไปร่วมจัดการเลือกตั้ง

แต่นายสุชน หรือที่ใครๆ เขาเรียกท่านอย่างน่ารักว่า "สุชิน" ก็ไม่สำเหนียกในประเด็นนี้ กลับทำเป็นซื่อตาใส "ต่อต้าน" มติ ๓ ศาลร่วมกับ ๓ กกต.ไปด้วย

ดูเอา..จะเป็นชะตาฟ้าดินของบ้านเมืองที่ต้องเป็นไปหรือไฉน "ข้าของแผ่นดิน" ระดับสูงเช่นนี้ กลับเห็นผิดเป็นชอบ เห็นซาตานเป็นเทพองค์ใหม่ กล้า-ท้าทายชนิดไม่รู้ต่ำ รู้สูง

หรือกลัว "ผลสอบอนุ กกต." ที่ว่าด้วยนักการเมืองใหญ่ของพรรคใหญ่ไปจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง อันมีโทษถึงขั้นยุบพรรค เพราะเขาเสนอผลสอบขึ้นไปแล้ว แต่ กกต.ใหญ่กลับเก็บเรื่องไปนั่งทับเฉย

ก็เลยไม่กล้าลุก เพราะถ้าลุกให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาตามคำเสนอแนะของศาล ความผิดโทษถึงขั้นยุบพรรคจะถูก กกต.ชุดใหม่วินิจฉัยกันอย่างตรงไป-ตรงมา

เดิมพันของพรรคการเมืองบางพรรคสูงเช่นนี้ ก็จำเป็นที่ต้องพึ่งบารมี ๓ กกต.อย่าออก..อย่าออก!

เพราะอะไรเขาจึงฝากความหวังไว้กับ ๓ กกต. คงไม่ต้องจาระไนต่อนะครับ

ขอคุยเพื่อความเข้าใจเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งที่ ๒๒ ตุลา.ซักนิด เพราะบางท่านอาจสงสัยว่า..เอ๊ะ ไหนศาลรัฐธรรมนูญท่านสั่งให้เลือกตั้งใหม่ภายใน ๖๐ วัน แล้วทำไม กกต.กำหนด ๒๒ ตุลา.ซึ่งเป็นกำหนดยาวร่วมครึ่งปี!

คืออย่างนี้ครับ ๖๐ วันที่ศาลกำหนดนั้น ให้นับจากวันที่มีพระราชกฤษฎีกำหนดวันเลือกตั้ง

หมายความว่า ถ้า ครม.ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งวันไหน ก็นับจากวันนั้นไป ถ้ายังไม่ประกาศก็ยังไม่เริ่มนับ ๑-๖๐

แต่เมื่อฟังท่านจรัญ ภักดีธนากุล แถลงวานนี้ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งของ กกต.เมื่อวานนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ครบองค์ประชุม นั่นก็หมายความว่า

อดใจไว้รอฟังกำหนดวันเลือกตั้งใหม่จาก "กกต.ชุดใหม่" ดีกว่า

ครับ..การเมืองตอนนี้ จะดูกันวันต่อวันก็ยังช้าไปซะแล้ว ต้องติดตามกันชนิด "ชั่วโมงต่อชั่วโมง" นั่นแหละ แต่ผมขอย้ำ "บนดิน" ยังปั่นป่วนขนาดนี้ ให้ระวัง "ใต้ดิน" อันจะเป็นตัวแปรสถานการณ์ เพราะมัน "เตรียมการ" กันดูน่ากลัว!!

//www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=17/May/2549&news_id=124526&cat_id=200


โดย: แตนต่อย วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:37:36 น.  

 


ข้อความ : พวกมันแย่มาก ขอให้ช่วยกันต่อต้านด้วยครับ

จาก : ks - 17/05/2006 02:38


ข้อความ : บทความนี้ เขียนได้ดี แต่คงเหมือนสีซอให้ควายฟัง คุณทักสิน บวกกอ กอ ตอทั้ง 4
ไม่มีการตอบสนองหรือส่งสัญญาณที่เอื้อต่อการฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ ทำตนเป็นปัญหาเสียเอง แถมสาวกเช่นนายศุชนยังกล่าวเชิญนักกฏหมาย คงมีทั้งขุนพลมือหนึ่งศุเทพ และ
นักกฏหมายที่กำลังเมากฏหมาย ฃ่วยกันตีความเพื่อทางรอดของตนและพวก

ต้องขอคาระวะด้วยความขมขื่นใจ ต่อท่านวาดสหนา ท่านปรินยา ท่านสุระไชย ที่ทำ
ตนเป็นป้อมปราการอันดื้อด้านให้กับระบอบทักสิน เพราะปราศจากท่านแล้ว พรรคใหญ่
คงต้องพบภัยภิบัติ ไม่ต่างจากซึนามิ ถึงขั้นพรรคสูญหาย บารมีของท่านทั้งสามนั้น
ใหญ่หลวงนัก ที่แม้แต่นายหย่าย นายหยิง และเหล่าสาวกทั้งมวล ล้วนต้องก้มกราบ
ไหว้ท่านด้วยสำนึกในบุณคุณ เป็น "บุญคุณ"ที่เอื้อต่อพวกของท่านเท่านั้น ....

สำหรับประเทศ สิ่งที่ท่านกำลังกระทำอยู่ เป็นการแสดงออกถึงความไม่รู้จักผิดชอบ
ชั่วดี ไม่แสดงซึ่งความกตัญญูต่อสถาบันเบื้องสูง สวนกระแสของสังคม..เช่นนี้แล้ว
ท่านควรจะอาศัยอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีได้อีกหรือ ....คนที่ดีมักมีความละอายต่อ
บาป สำนึกในจารีตประเพณีและวัฒนธรรมของสังคมไทย แต่ท่านทำตนดั่งเช่น
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า กับคุณทักสิน ในทางที่ไม่น่าชื่นชม ท่านจะได้ยินเสียงสาปแช่ง
ไปทั่วสารทิศ ไปไหนต้องเอาผ้าคลุมหน้า เดินก็ต้องก้มหน้า ขาดซึ่งสง่าและบารมี
หากคนทั้ง 5 ที่พวกท่านจงชัง มาทำเช่นนี้ ป่านนี้คิงติดคุกหัวโตไปตามๆกัน...
จะหาตัมรวจชั้นผู้ใหญ่สักคน มาแสดงความกล้าหาญ ว่าอาจเป็นหมิ่นเบื่องสูง
ก็หาไม่ได้สักคน เงียบเป็นเป่าสากกันหมด อย่างนี้แล้วจะให้มองภาพตัมรวจเป็น
ภาพที่สวยงามได้อย่างไร สถานการณ์ครั้งนี้ แสดงออกชัดเจนว่ามีวาะซ่อนเร้น
คุณทักสินเลือก "กลยุทธแสวงหาโอกาสใหม่" ที่คิดเลว ทำเลว ไม่เลื่อกวิธีการที่
จะลดความไม่แน่นอน "ไม่มีมุมมองเชิงป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา" ตนและพวกกับ
ทำตัวเป็นปัญหาเสียเอง ด้วยคำพูดที่น่าชังว่า ยินดีต้อนรับกับอุปสรรคทุกรูปแบบ
ใครหนอ...คืออุปสรรคของท่าน

ครั้งก่อนเคยเห็นภาพท่านไปไหว้บรรพบุรุษ จึงทราบว่าท่านก็มีกับเขาเหมือนกัน
ไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ หรือมาจากต่างดินดอย ที่แท้ท่านก็เป็นคนไท
เหมือนกัน ต่างกันที่ท่านไม่มีความกตัญญูกตเวทีต่อประเทศชาติ ไม่เคารพต่อ
ศาลที่ปฏิบัติตนในสถานะการ์พิเศษ ดูท่านซิ จะไปไหนมาไหน ล้วนห้อมล้อม
ด้วยสาวก -สมุนมากมาย ที่เขาสนใจถามท่านเพราะท่านเป็นบุคคลประหลาดที่
ได้บันทึกไว้แล้วในด้านความชั่วร้าย ของประวัติศาสตร์ชาดไท ไม่สามารถอีก
ต่อไปที่จะเดินตามถนน ชมบรรยากาศที่สดชื่นของสายลมและแสงแดดได้โดย
ปราศจากผู้คุ้มกัน นี่คือความสุขหรือ....

ขอยืนยัน ส่งที่ท่านปรารถนานั้นไม่ง่ายอย่างที่ฝัน ที่ท่านลาพักผ่อนเสียนาน
ก็เพื่อการวางแผนกลยุทธ์ กระบวนการสร้างคลื่นใต้น้ำ ท่านปรากฏตัวเมื่อใด
ไม่ใครก็ใครต้องเดือดร้อน ท่านเห็นด้วยมั๋ยว่า นรกก็ปิด สวรรค์ก็ปิด....แต่ที่
เปิดคือ "กรงขังนก" ที่พร้อมต้อนรับท่านทั้ง 4 อย่างไม่มีเงื่อนไข....

" Yor are welcome .."
จาก : ไม่ใช่คน เป็นด้วยวาดสหนา - 17/05/2006 08:56


ข้อความ : นิสัยที่ติดตัวนั้น ทีแรกเป็นเพียงใยบางๆ
แต่ภายหลังกลายเป็นความ "หนา" ในที่สุด

จาก : อ้อน้อย - 17/05/2006 09:07


ข้อความ : สามีภรรยาเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันตลอดชีพ
แต่อย่าร่วมพยายามกระทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ละครนั้นทำให้เราสนใจ เพราะเป็นสิ่งที่
เลียนแบบ ความเป็นจริงในชีวิต ...
ขอให้คุณทักสิน กับ คุณพดจมานต์ ไปอยู่ที่อื่น
ที่ไม่ใช่เมืองไทย ได้ไหมครับ .
ใครที่รักท่านเช่นนายเนวิล กรุณาช่วงสงเคราะห์
นำได้ด้วย ขอบคุณครับที่ท่านเข้าใจ
อ้อ เกือบลืม ที่ท่านเดินทางไปพบผู้นำต่างประเทศ
ท่านควรเข้าใจนะครับว่า เมื่อท่านด้านหน้าไป เขาก็
ต้องต้อนรับ นั้นเป็นเพราะเขาแสดงออกซี่งวัฒนธรรมที่ดี
ในสังคมของเขาเอง.

จาก : มดตะนอย - 17/05/2006 09:34


ข้อความ : ผมขอพูดด้วยคนนะครับ
ผมเป็นกลางมาตั้งแต่ต้น บ้านอยู่เมืองย่าโม ที่หลายท่านชอบเรียก
ว่า เป็นพวกกลางตกขอบ ซึ่งผมก็ยอมรับ เพราะไม่ทราบว่าจะเชื่อใคร
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อ คือศาลสถิตย์ ยุติธรรม เมื่อวานนั้นเมื่อศาล
ท่านตัดสิน ผมก็ได้ตัดสินใจไปพร้อมกับศาลด้วยว่า ผมเลือกทาง
พันธมิตร หากเขามีอุดมการณืที่จะต่อต้านระบอบท-สิน ดำรงค์ไว้ซี่ง
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข.
ผมขอแสดงความเคารพแด่คณะของศาลมา ณ โอกาสนี้


จาก : ลิขิต - 17/05/2006 09:56

//board.dserver.org/u/uthaisak/00005794.html


โดย: แตนต่อย วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:05:37 น.  

 
เข้ามาค้นคว้า ว่า ...เป็นช่างภาพเหรอคะ




โดย: แตนต่อย


ป่าวค่า แต่ชอบถ่ายรูปเจ๋ยๆ แถมกล้องก็ธรรมดา ไม่มีงวงยาวๆ ทั้งๆที่อยากมีงวง แต่คิดว่า ยังไม่จำเป็น เพราะยังไม่มีก๊วนถ่ายรูปด้วยเลย ถ่ายอยู่คนเดียวเนี่ย ไม่มีใครชวนเข้าก๊วนเลย เศร้า


โดย: โสมรัศมี วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:30:56 น.  

 
เห็นรูป ที่ 37 แล้วค่อยคลายเคลียดหน่อย กลุ้มและกังวลใจกับบ้านเมืองไม่หาย คนกลางลูกสาวแม่โดมมาจากท่าพระจันทร์เหลอะจ๊ะ 5555


โดย: โม๊ง IP: 212.23.250.90 วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:44:22 น.  

 






โดย: tuksin shit IP: 84.72.14.171 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:2:10:49 น.  

 
เหตุผลที่เชื่อสนธิ มากกว่าทักษิณ (update 22 ต.ค. 49)

=== เพื่อมิให้เป็นการรกบอร์ด ถ้ามีการ update ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อนี้ ผมจะมาโพสไว้ในกระทู้ //www.managerradio.com/radio/webboard/Question.asp?GID=53136&Mbrowse=1 อ่านที่ update ล่าสุดนะครับ ผมทำไว้เผื่อผู้ที่ต้องการนำไปใช้ประโยชน์ ===

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่ผมต้องการให้ทุกคนได้อ่านดังต่อไปนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม และไม่ได้เป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่ผมต้องการจะตีแผ่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงของคนในสังคม เพื่อให้นำไปคิดทบทวนแก้ไข ผมเชื่อว่า ทัศนคติที่เข้าข้างคุณธรรม จะทำให้สังคมไทยเกิดความสมานฉันท์ได้อย่างยั่งยืน ขอบอกไว้ก่อนว่า ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่า สิ่งที่คุณสนธิพูด เป็นความจริง แต่ถ้าใครที่มาบอกว่า คุณสนธิโกหก ตอแหล ก็ให้ไปท้าคุณสนธิ ออกโทรทัศน์คู่กับคุณไปเลย การที่คุณสนธิกล้าแสดงตัว แต่คุณด่าเขาทาง internet ผมว่าไม่ยุติธรรม จงหยุดทำตัวเป็นอีแอบ ขอบคุณครับ

เชื่อสนธิ เพราะ
- กล้าเปิดเผยตัวพูดในที่สาธารณะ
- กล้าท้าถกกับทักษิณออกโทรทัศน์ ถ่ายทอดสดต่อหน้าคนทั้งประเทศ
- มีการบันทึกวีซีดี ซึ่งเป็นหลักฐานมัดตัวเองได้ทุกเมื่อ
- ยอมเอาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงถูกด่า ถูกสังหาร อย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ
- ผู้ที่ออกมาอยู่ฝ่ายพันทมิตรฯ มีความรู้ด้านการเมือง เศรฐกิจ การเงิน จริยธรรม ฯลฯ
- ผู้มีชื่อเสียงในสังคมที่เลือกฝ่ายพันทมิตรฯ กล้าเปิดตัว และแสดงจุดยืนที่ชัดเจน
- ฝ่ายพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ รู้จักวิเคราะห์ข่าวสาร และ ไม่ใช่คนเชื่อคนง่าย
- ฝ่ายพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนเถียงอะไรตะแบงซ้ำๆซากๆ
- ฝ่ายพันธมิตรฯ เชื่อว่า "คนไม่มีจริยธรรม เป็นผู้นำไม่ได้"
- ฝ่ายพันธมิตรฯ ไม่ได้หวังว่านักการเมืองคนหนึ่ง จะต้องดี 100% แต่ถ้าเลวเกินไป ก็ไม่ควรจะอยู่
- ฝ่ายพันธมิตรฯ ต้องการนักการเมืองที่รู้จักยอมรับผิด ขอโทษประชาชน และแก้ไขจากสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง
- ฝ่ายพันธมิตรฯ จะเป็นคนที่ฟังข่าวสารรอบด้าน มากกว่าฟังความข้างเดียว
- ฝ่ายพันธมิตรฯ มักถามว่า "ความจริงคืออะไร" มากกว่าถามว่า "จะเลือกตั้งเมื่อไร"
- ฝ่ายพันธมิตรฯ มักจะถามว่า เสียงส่วนใหญ่(ที่ฟังทักษิณอยู่ฝ่ายเดียว) เป็นประชาธิปไตยที่ดี จริงหรือ?
- ฝ่ายพันธมิตรฯ มักจะถามว่า เสียงส่วนใหญ่(ที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข้าวสารหลายด้าน) เป็นประชาธิปไตยที่ดี จริงหรือ?

ไม่เชื่อทักษิณ เพราะ
- สลับเก้าอี้รัฐมนตรี หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
- จำกัดเสรีภาพของลูกพรรค ในการโหวตไว้วางใจรัฐมนตรี
- ยุบสภาหนีการอภิปราย
- ชอบกล่าวหาว่าฝ่ายพันธมิตรฯกระทำนอกกติกา
- เป็นเจ้าของประโยค "ผมจำเป็นต้องดูแลจังหวัดที่เลือกไทยรักไทยก่อน"
- คดีที่ฝรั่งฟ้อง แก้ตัวได้อย่างเดียว "หมดอายุความ"
- หลีกเลี่ยงการพูดความจริงต่อหน้าประชาชน โดยเสนอปิดห้องลับคุยกับสนธิ
- หลีกเลี่ยงการดิเบท ไม่ว่ากับนายอภิสิทธิ์ หรือนายสนธิ
- ชอบอ้างแต่เสียงส่วนใหญ่ โดยไม่สนใจที่มาที่ไปของเสียงส่วนใหญ่
- คนรักทักษิณ มักชอบตะแบงอะไรซ้ำๆซากๆ
- คนรักทักษิณ มักอ้างว่า ทักษิณกับสนธิไม่ควรออกโทรทัศน์คู่กัน เพราะสนธิมีจิตวิทยามากกว่า (อ้าว !! ก็ต้องเคารพวิจารณญาณ ของประชาชนที่ฟังความสองฝ่ายไม่ใช่หรือ? การฟังทักษิณฝ่ายเดียว เป็นวิธีการรับข่าวสารที่ถูกต้อง ใช่หรือไม่?)
- คนรักทักษิณ มักพูดว่า โกงเท่าไรก็ได้ แต่ขอให้ทำงาน
- คนรักทักษิณ จำนวนหนึ่ง มีความเชื่อว่า ประชาชนไม่มีสิทธิ์ไปตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง หรือถ้าถาม นายกรัฐมนตรีก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบ
- คนรักทักษิณ จำนวนหนึ่ง มีความเชื่อว่า ไม่ควรเอา "จริยธรรม" กับ "การเมือง" มาเกี่ยวข้องกัน
- คนรักทักษิณ มักเชื่อว่า ทุกคนดำรงชีวิตด้วยผลประโยชน์ ไม่มีใครที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆหรอก ทุกคนต้องเอาตัวรอดกันทั้งนั้น
- คนรักทักษิณ ชอบทำเท่ห์ เวลาพูดว่า "ถ้าทักษิณไม่เป็นแล้วใครจะเป็น"
- คนรักทักษิณ มักพูด มากกว่าที่จะรับฟัง
- คนรักทักษิณเท่าที่เคยสนทนาด้วย จะมีนิสัย "รู้น้อยชอบพูดมาก" และ "ชอบเดา" มากกว่าจะพยายามแสวงหาความรู้ข่าวสารเพิ่มเติม
- คนรักทักษิณมักไม่ยอมเปิดใจฟังว่า แนวร่วมพันทมิตรมีใครบ้าง และพูดเรื่องอะไรบ้าง
- คนรักทักษิณ จำนวนไม่น้อย คือ "คนที่ความรู้เข้าไปไม่ถึง" และ "ข้อมูลข่าวสารเข้าไปไม่ถึง" ดูได้จากม๊อบที่จตุจักร และที่ไปปิดล้อมตึกเนชั่น (ขออภัยที่ต้องพูดตรง ก็ต้องยอมรับความจริงกันบ้าง)
- คนรักทักษิณ มักมั่นใจว่าตัวเองรู้จริง แต่ จะชอบซ่อนตัวในที่ลับ (เช่นในเว็บบอร์ด) มักหลีกเลี่ยงการท้าดิเบทกับคุณสนธิ และแนวร่วมพันธมิตรฯ
- คนรักทักษิณ มักปล่อยข่าวทำลายแกนนำพันธมิตร โดยหาแหล่งที่มาไม่ได้ หาตัวตนไม่เจอ
- คนรักทักษิณ มักดิสเครดิสคุณสนธิว่ามีเบื้องหลังในการล้มทักษิณ แต่ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา คนที่เลือกทักษิณ 16 ล้านคนเศษๆ ก็ไม่เคยมีใครกล้าแสดงตัวออกมาแฉคุณสนธิ อย่างจริงๆจังๆ เหมือนที่คุณสนธิกล้าแฉทักษิณและพวก
- คนรักทักษิณ ชอบอ้าง "ความสมานฉันท์" และ "ความสามัคคี" เพื่อกลบเกลื่อน ให้คนลืมว่า ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น และลดกระแสการตรวจสอบนักการเมือง

+++ ถ้าอ่านรอบแรกแล้วไม่เข้าใจ โปรดตั้งใจอ่านใหม่อีก 3 รอบ+++


โดย: tuksin shit IP: 84.72.14.171 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:2:24:13 น.  

แตนต่อย
Location :
♥ เที่ยว ♥ Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




♣ ท่านใดต้องการนำรูปภาพและหรือข้อมูลในบล็อคนี้ไปใช้ หรือไปทำประโยชน์อื่นใด เมล์มาคุยกันก่อนนะคะ ♣ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ♣ ข้อความและรูปภาพทั้งหมดที่ปรากฏบนBlogนี้้ ห้ามมิให้ทำซ้ำดัดแปลง หรือ เผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด ♣ขอบคุณค่ะ ♣

(((ประกาศ)))::จัดทริปพาเที่ยวSwitzerland::ปี 2007
______________________
คลิกฟัง ::เพลงเทียนแห่งธรรม::


:::C l i p VDO ยามเฝ้าแผ่นดิน:::

ClipVDO ::เมืองไทยรายสัปดาห์ ครั้งที่ 34::
ครั้งสุดท้าย-ครั้งต่อๆไปเปลี่ยนชื่อรายการ
เป็นรายากร-ยามเฝ้าแผ่นดิน-



ลงนามถวายพระพร ที่นี่




~

● การ์ตูนจี้เส้น ● TooN ●

♀ เฟรนด์ลิงค์ยังไม่ครบ! ♂

● โค๊ดสี 1 ● โค๊ดสี 2 ●


☆ ในหลวงประกอบพระราชพิธี 090606 ☆
☆คลิ๊กดู คลิปวีดีโอ ได้ที่นี่☆

● คลิ๊กที่นี่ฟังพระราชดำรัส ๔ ธค ๔๘ ●

พระราชดำรัส 260406


▒ วีดีโอ เพลงไอ้หน้าเหลี่ยม ▒

● click ที่นี่ เนื้อเพลง "ไอ้หน้าเหลี่ยม" ●


Blog~ความโหดร้ายที่ตากใบ~กรือแซะ



::::click::Blogการเมือง เรื่องของทุกคนไทย::




● คลิปวีดีโอ ก้าวต่อไปของการต่อสู้ ●
9 พฤษภาคม 2549
โดย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
โดย อ. สังสิต วิริยะรังสรรค์
โดย อ. ปราโมทย์ นาครทรรพ



● เช็คดูซิว่าโดนบล็อคMSNหรือเปล่า! ●
::click::





● since 15.05.06 ●
~20'195~
free hit counter


●จำนวนครั้งที่คลิ๊ก●
09.12.11=187'175
19.01.10=168'006
12.06.09=157'963
:::26.01.08=95'936:::
13.11.07=95'792/26.12.07=10'2016
16.09.07=87'669/02.07.07=76'178
29.03.07=62'492/17.06.07=68'695
16.02.07=59'255/24.02.07=59'956
09.02.07=57'546/12.02.07=58'198
30.01.07=55'830/06.02.07=57'306
09.01.07=53'686/20.01.07=54'730
13.12.06=51'403/20.12.06=51'991
05.12.06=50'533/08.12.06=50'903
30.11.06=49'982/02.12.06=50'193
24.11.06=49'148/26.11.06=49'428
14.11.06=48'034/18.11.06=48'528
03.11.06=47'013/11.11.06=47'690
28.10.06=46'104/02.11.06=46'836
23.10.06=45'180/25.10.06=45'740
18.10.06=44'458/20.10.06=44'763
10.10.06=43'143/13.10.06=43'500
06.10.06=42'124/09.10.06=42'824
03.10.06=41'021/05.10.06=41'802
30.09.06=40'149/01.10.06=40'550
26.09.06=39'441/27.09.06=39'642
20.09.06=37'939/23.09.06=38'839
12.09.06=36'120/18.09.06=36'915
06.09.06=35'225/10.09.06=35'725
02.09.06=34'534/03.09.06=34'702
28.08.06=33'720/30.08.06=34'100
24.08.06=32'852/26.08.06=33'395
20.08.06=32'050/21.08.06=32'265
17.08.06=31'523/19.08.06=31'763
12.08.06=30'650/14.08.06=31'100
07.08.06=29'778/09.08.06=30'100
25.07.06=27'962/28.07.06=28'816
19.07.06=27'039/22.07.06=27'561
16.07.06=26'436/18.07.06=26'946
12.07.06=25'632/14.07.06=26'095
08.07.06=25'012/10.07.06=25'302
05.07.06=24'452/07.07.06=24'788
01.07.06=23'870/04.07.06=24'304
24.06.06=22'335/28.06.06=23'219
10.06.06=21'607/20.06.06=22'105
08.05.06=19'957/09.05.06=20'004
04.05.06=19'663/07.05.06=19'822
09.04.06=18'782/28.04.06=19'505
01.04.06=18'159/05.04.06=18'520
23.03.06=17'346/28.03.06=17'757
16.03.06=16'747/17.03.06=16'807
14.03.06=16'537/15.03.06=16'595
11.03.06=16'046/11.03.06=16'046

●ยอดจำนวนผู้ชม B l o g g a n g●
●และ Profile●
26.01.08/36430/1801
26.12.07/30799/1764
13.11.07/22904/1724
16.09.07/14022/1619
- ยอดเก่าข้างล่าง - 17.06.07/19454/1'435
29.03.07/10'491/1'284
24.02.07/6'205/1'209
16.02.07/5'258/1'187
12.02.07/3'919/1'160
09.02.07/3'376/1'144
05.02.07/2'833/1'126
30.01.07/1'317/1'101
ยอดเป็นศูนย์-เปลี่ยนserver
ให้ BlogGang ใหม่ (24 ม.ค.)
20.01.07/54'169/1'054
090107/52'507/1'020
201206/50'058/959
131206/49'021/946
081206/48'078/930
051206/47'524/927
021206/47'071/921
301106/46'762/913
261106/46'014/903
241106/45'508/896
181106/44'537/885
141106/43'835/870
111106/43'162/858
031106/42'259/837
021106/42'042/834
281006/41'366/819
251006/41'047/808
231006/40'576/799
201006/40'191/786
181006/39'932/780
131006/39'143/761
101006/38'775/756
091006/38'508/751
061006/37'905/742
051006/37'589/740
031006/36'865/732
011006/36'506/727
300906/36'214/718
280906/35'785/709
260906/35'618/703
230906/35'179/691
200906/34'451/682
180906/33'698/668
120906/32'993/640
100906/32'696/632
060906/32'296/612
030906/31'909/596
020906/31'761/589
300806/31'412/577
280806/31'108/561
260806/30'869/552
240806/30'475/522
220806/30'052/503
200806/29'909/493
190806/29'711/485
170806/29'515/472
140806/29'224/461
120806/28'932/449
090806/28'536/428
070806/28'267/420
280706/27'405/388
250706/26'629/381
220706/26'292/371
200706/25'981/366
190706/25'896/363
180706/25'722/360
160706/25'265/358
140706/25'016/356
120706/24'620/348
100706/24'330/346
080706/24'133/336
070706/24'026/333
050706/23'839/325
040706/23'727/322
010706/23'413/318
300606/23'297/318


Friends' blogs
[Add แตนต่อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.